IT Governance & Control Objective to Environmental Control (ต่อ)

เมษายน 7, 2009

ครั้งก่อนผมได้เล่าสู่กันฟังถึงแนวคิดหลัก และหลักการในการกำหนดกรอบของ IT Governance รวมถึงความสัมพันธ์ของ IT Governance กับ Corporate Governance ที่มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพากัน ในวันนี้เราจะมาพูดคุยต่อถึงปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จที่เกี่ยวกับ IT Governance รวมถึงบทบาท หน้าที่ของฝ่ายตรวจสอบ คณะกรรมการและผู้บริหารขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับ IT Governance กันครับ

ปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จที่เกี่ยวกับ IT Governance โดยย่อ
ปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ IT Governance ที่สำคัญ ซึ่งจะเชื่อมโยงนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กรโดยรวม จะพิจารณาทางด้านกฎหมาย ด้านการจัดองค์กร และกระบวนการปฏิบัติงานทั่วทั้งองค์กร ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมประยุกต์เพื่อการบริหารทรัพยากรทั่วทั้งองค์กรด้านเทคนิค ซึ่งอาจเป็นระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) หรือไม่ก็ตาม การวางแผน การปฏิบัติ การสอบทาน และการแก้ไข เพื่อนำไปสู่ความคิดในการพัฒนางานด้าน IT Governance ให้เป็นส่วนหนึ่งของการกำกับดูแลกิจการที่ดีขององค์กร (GCG – Good Corporate Governance) นั้น เป็นทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงของทุกองค์กร

สำหรับการบริหาร IT Governance เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินผลการบริหารความเสี่ยงด้าน IT Governance ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินระดับการบริหารความเสี่ยงขององค์กรนั้น มีข้อควรพิจารณาปรับปรุงบางประการ เช่น BCP-Business Continuity Plan การบริหารสภาพแวดล้อมของศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก โดยการจัดให้มีการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตามมาตรฐาน ที่วัดได้ ปฎิบัติได้ โดยมี Performance Measurement ที่เหมาะสม

การจัดให้มีกระบวนการสร้างความมั่นใจถึงความสมดุลระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนและการจัดการด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การสร้างเกณฑ์วัดคุณภาพงานและผลสำเร็จของกลยุทธ์ หรือนโยบาย และการจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามที่กำหนดไว้ เช่น กลยุทธ์ หรือนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการสนับสนุนให้องค์กรมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้น กลยุทธ์หรือนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานขององค์กร เป็นต้น

บทบาทของฝ่ายตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับ IT Governance
ฝ่ายตรวจสอบควรมีบทบาทในฐานะเป็นผู้ให้คำแนะนำ และสร้างคุณค่าเพิ่มในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานการตรวจสอบภายในของทุกสายงาน และในฐานะผู้ประเมินคุณภาพการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายในทางด้านต่าง ๆ เช่น
1. คุณภาพของการปฏิบัติงาน (Operational)
2. คุณภาพทางด้านการปฏิบัติตามนโยบาย กฎเกณฑ์ ระเบียบ คำสั่ง (Compliance)
3. คุณภาพด้านการเงิน และการรายงาน (Financial) รวมทั้งการให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ IT Governance
4. การตรวจสอบทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการใช้ Outsource เพื่อเป้าหมายดังกล่าว รวมทั้งมุมมองที่กว้างกว่านั้น องค์กรควรวางกรอบความต้องการของตนให้ชัดเจนเพื่อความคุ้มค่าในการดำเนินงาน เพราะการตรวจสอบด้านเทคโนโลยียุคใหม่จะเป็นการตรวจสอบการจัดการความเสี่ยงทางด้าน IT Governance โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (BCM – Business Continuity Management) และ Control Objective ไปสู่ Business Process เพื่อก้าวไปสู่ Business Objective ขององค์กร โดยเน้นหลักการ Best Practice

บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการและผู้บริหารขององค์กรเกี่ยวกับ IT Governance
1. นำกรอบงานธรรมาภิบาลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Governance) มาใช้ในองค์กร
2. กำหนดกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่สอดคล้องกับเป้าหมายการทำธุรกิจ
3. การเชื่อมโยงกลยุทธ์ และเป้าหมายลงไปในแต่ละระดับขององค์กร
4. กำหนดโครงสร้างองค์กรที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้
5. นำกรอบงานด้านการควบคุมเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้าน IT Governance มาใช้
6. จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการสร้างสารสนเทศทางธุรกิจและการใช้สารสนเทศดังกล่าวร่วมกัน
7. การผนวกรวมความรับผิดชอบด้านการบริหารความเสี่ยงไว้ในองค์กร
8. มุ่งเน้นกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญ และความสามารถหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Core IT Competencies)
9. วัดผลการดำเนินงาน (Balanced Business Scorecard)

กิจกรรมด้าน IT Governance โดยสรุป
1. กำหนด IT Master Plan วิธีการปฏิบัติงานใหม่ที่มีกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อองค์กรและวิธีการทำงานใหม่ ๆ
2. กำหนดความคาดหวังและผลตอบแทน เพื่อกำหนดแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า
3. มีการพิจารณา Physical Security และ Information Security Governance ที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะจากข้อกำหนดของหน่วยงานภาครัฐฯ และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง
4. กำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบ การประสานงาน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของแต่ละสายงานทั่วทั้งองค์กรที่สามารถทำงานกับสายงานได้อย่างลงตัว
5. การพิจารณาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนกระบวนการปฏิบัติงาน ทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างสอดคล้อง และต่อเนื่องทั่วถึงกันทุกระบบที่สำคัญขององค์กร
6. กำหนดจุดควบคุมของทุกกระบวนการ และมีการสอบทานติดตามในกระบวนการปฏิบัติงาน
7. รวบรวม และบริหารทรัพยากรอย่างผสมผสานระหว่าง IT Process และ Business Process ตั้งแต่การวางแผนการจัดองค์กร การพนักงาน การกำกับไปจนถึงการติดตาม
8. การบริหารและจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งองค์กร ที่รวมทั้งความเสี่ยงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามคุณลักษณะที่ดี
9.จัดให้มีการวัดผลการปฏิบัติงานทุกสายงาน และภาพโดยรวมขององค์กร โดยเน้นการพลิกฟื้นด้านปฏิบัติการ (Operation Turnaround) การพลิกโฉมทางยุทธศาสตร์ (Strategic Turnaround)
10. สอบทาน และรับรองคุณภาพของผลการปฏิบัติงานโดยรวม จากการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และ IT Governance
11. การพิจารณาความดีความชอบจากการบริหาร และการปฏิบัติงานด้าน IT Governance อย่างผสมผสานทั่วทั้งองค์กรในส่วนที่เกี่ยวข้อง


IT Governance & Control Objective to Environmental Control (ต่อ)

เมษายน 7, 2009

ครั้งก่อนผมได้เล่าสู่กันฟังถึงแนวคิดหลัก และหลักการในการกำหนดกรอบของ IT Governance รวมถึงความสัมพันธ์ของ IT Governance กับ Corporate Governance ที่มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพากัน ในวันนี้เราจะมาพูดคุยต่อถึงปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จที่เกี่ยวกับ IT Governance รวมถึงบทบาท หน้าที่ของฝ่ายตรวจสอบ คณะกรรมการและผู้บริหารขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับ IT Governance กันครับ

ปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จที่เกี่ยวกับ IT Governance โดยย่อ
ปัจจัยที่ใช้วัดความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ IT Governance ที่สำคัญ ซึ่งจะเชื่อมโยงนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กรโดยรวม จะพิจารณาทางด้านกฎหมาย ด้านการจัดองค์กร และกระบวนการปฏิบัติงานทั่วทั้งองค์กร ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมประยุกต์เพื่อการบริหารทรัพยากรทั่วทั้งองค์กรด้านเทคนิค ซึ่งอาจเป็นระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) หรือไม่ก็ตาม การวางแผน การปฏิบัติ การสอบทาน และการแก้ไข เพื่อนำไปสู่ความคิดในการพัฒนางานด้าน IT Governance ให้เป็นส่วนหนึ่งของการกำกับดูแลกิจการที่ดีขององค์กร (GCG – Good Corporate Governance) นั้น เป็นทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงของทุกองค์กร

สำหรับการบริหาร IT Governance เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินผลการบริหารความเสี่ยงด้าน IT Governance ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินระดับการบริหารความเสี่ยงขององค์กรนั้น มีข้อควรพิจารณาปรับปรุงบางประการ เช่น BCP-Business Continuity Plan การบริหารสภาพแวดล้อมของศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก โดยการจัดให้มีการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตามมาตรฐาน ที่วัดได้ ปฎิบัติได้ โดยมี Performance Measurement ที่เหมาะสม

การจัดให้มีกระบวนการสร้างความมั่นใจถึงความสมดุลระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนและการจัดการด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การสร้างเกณฑ์วัดคุณภาพงานและผลสำเร็จของกลยุทธ์ หรือนโยบาย และการจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามที่กำหนดไว้ เช่น กลยุทธ์ หรือนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการสนับสนุนให้องค์กรมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้น กลยุทธ์หรือนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานขององค์กร เป็นต้น

บทบาทของฝ่ายตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับ IT Governance
ฝ่ายตรวจสอบควรมีบทบาทในฐานะเป็นผู้ให้คำแนะนำ และสร้างคุณค่าเพิ่มในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานการตรวจสอบภายในของทุกสายงาน และในฐานะผู้ประเมินคุณภาพการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายในทางด้านต่าง ๆ เช่น
1. คุณภาพของการปฏิบัติงาน (Operational)
2. คุณภาพทางด้านการปฏิบัติตามนโยบาย กฎเกณฑ์ ระเบียบ คำสั่ง (Compliance)
3. คุณภาพด้านการเงิน และการรายงาน (Financial) รวมทั้งการให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ IT Governance
4. การตรวจสอบทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการใช้ Outsource เพื่อเป้าหมายดังกล่าว รวมทั้งมุมมองที่กว้างกว่านั้น องค์กรควรวางกรอบความต้องการของตนให้ชัดเจนเพื่อความคุ้มค่าในการดำเนินงาน เพราะการตรวจสอบด้านเทคโนโลยียุคใหม่จะเป็นการตรวจสอบการจัดการความเสี่ยงทางด้าน IT Governance โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (BCM – Business Continuity Management) และ Control Objective ไปสู่ Business Process เพื่อก้าวไปสู่ Business Objective ขององค์กร โดยเน้นหลักการ Best Practice

บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการและผู้บริหารขององค์กรเกี่ยวกับ IT Governance
1. นำกรอบงานธรรมาภิบาลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Governance) มาใช้ในองค์กร
2. กำหนดกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่สอดคล้องกับเป้าหมายการทำธุรกิจ
3. การเชื่อมโยงกลยุทธ์ และเป้าหมายลงไปในแต่ละระดับขององค์กร
4. กำหนดโครงสร้างองค์กรที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้
5. นำกรอบงานด้านการควบคุมเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้าน IT Governance มาใช้
6. จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการสร้างสารสนเทศทางธุรกิจและการใช้สารสนเทศดังกล่าวร่วมกัน
7. การผนวกรวมความรับผิดชอบด้านการบริหารความเสี่ยงไว้ในองค์กร
8. มุ่งเน้นกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญ และความสามารถหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Core IT Competencies)
9. วัดผลการดำเนินงาน (Balanced Business Scorecard)

กิจกรรมด้าน IT Governance โดยสรุป
1. กำหนด IT Master Plan วิธีการปฏิบัติงานใหม่ที่มีกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และคำนึงถึงผลกระทบทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อองค์กรและวิธีการทำงานใหม่ ๆ
2. กำหนดความคาดหวังและผลตอบแทน เพื่อกำหนดแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า
3. มีการพิจารณา Physical Security และ Information Security Governance ที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะจากข้อกำหนดของหน่วยงานภาครัฐฯ และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง
4. กำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบ การประสานงาน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของแต่ละสายงานทั่วทั้งองค์กรที่สามารถทำงานกับสายงานได้อย่างลงตัว
5. การพิจารณาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนกระบวนการปฏิบัติงาน ทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างสอดคล้อง และต่อเนื่องทั่วถึงกันทุกระบบที่สำคัญขององค์กร
6. กำหนดจุดควบคุมของทุกกระบวนการ และมีการสอบทานติดตามในกระบวนการปฏิบัติงาน
7. รวบรวม และบริหารทรัพยากรอย่างผสมผสานระหว่าง IT Process และ Business Process ตั้งแต่การวางแผนการจัดองค์กร การพนักงาน การกำกับไปจนถึงการติดตาม
8. การบริหารและจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งองค์กร ที่รวมทั้งความเสี่ยงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามคุณลักษณะที่ดี
9.จัดให้มีการวัดผลการปฏิบัติงานทุกสายงาน และภาพโดยรวมขององค์กร โดยเน้นการพลิกฟื้นด้านปฏิบัติการ (Operation Turnaround) การพลิกโฉมทางยุทธศาสตร์ (Strategic Turnaround)
10. สอบทาน และรับรองคุณภาพของผลการปฏิบัติงานโดยรวม จากการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และ IT Governance
11. การพิจารณาความดีความชอบจากการบริหาร และการปฏิบัติงานด้าน IT Governance อย่างผสมผสานทั่วทั้งองค์กรในส่วนที่เกี่ยวข้อง


แนวทาง/กรอบ/คู่มือการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

เมษายน 7, 2009

มาแล้วครับ ตามที่ได้บอกทิ้งท้ายเอาไว้ในครั้งก่อนว่า ครั้งนี้เราจะมาพูดคุยและลงลึกกันในรายละเอียดของการจัดการความเสี่ยงขององค์กรกัน แต่ก่อนอื่นผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจกับภาพ ๆ หนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพของการบริหารความเสี่ยงในระดับ ๆ ต่าง ๆ แบบบูรณาการและมีดุลยภาพได้เป็นอย่างดี ดังภาพด้านล่างนี้ ก่อนที่จะได้กล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงต่อไป

การบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ กับเจ้าภาพ

การบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ กับเจ้าภาพ

การจัดการความเสี่ยงขององค์กรทั่วไป
การจัดการความเสี่ยงขององค์กร ได้ถูกนำมาประยุกต์ในการกำหนดกลยุทธ์และกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร อันจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถระบุ ประเมินและบริหารความเสี่ยงเมื่อต้องเผชิญอย่างคาดไม่ถึง และสนับสนุนการสร้างและรักษาค่านิยมขององค์กร การจัดการความเสี่ยงขององค์กร จะเป็นตัวสนับสนุนความสามารถในการจัดการความเสี่ยงและกลยุทธ์ให้เป็นแนวทางเดียวกัน เชื่อมโยงความเสี่ยงกับความเติบโตและผลตอบแทน ส่งเสริมการตัดสินใจตอบสนองต่อความเสี่ยง ลดความตื่นตระหนักและความสูญเสียในการปฏิบัติการ ระบุและบริหารความเสี่ยงระหว่างสถานประกอบได้ สามารถตอบสนองความเสี่ยงที่ซับซ้อนอย่างบูรณาการได้ สามารฉกฉวยโอกาสและมีการลงทุนอย่างเหมาะสม

ทุกองค์กรต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และความท้าทายสำหรับฝ่ายบริหารขององค์กรทั่วไป ก็คือการกำหนดระดับความไม่แน่นอนที่มีอยู่เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผู้มีผลประโยชน์ร่วม ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อศักยภาพและบั่นทอนหรือส่งเสริมคุณค่า การจัดการความเสี่ยงขององค์กรทั่วไป จึงเป็นการสร้างกรอบของงานเพื่อให้ผู้บริหารได้จัดการกับความไม่แน่นอน ความเสี่ยงและโอกาสเพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับองค์กรและผู้มีผลประโยชน์ร่วม การบริหารความเสี่ยงจะช่วยให้แน่ใจอย่างสมเหตุสมผลว่า องค์กรทั่วไปสามารถบรรลุเป้าประสงค์ขององค์กรได้

องค์กรที่ดำเนินงานในสภาพแวดล้อม ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เช่น โลกาภิวัฒน์ เทคโนโลยี กฎระเบียบ การปรับโครงสร้างใหม่ การเปลี่ยนแปลงตลาด และการแข่งขันที่สร้างความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนมักถูกแสดงออกมาและสร้างขึ้นจากทางเลือกเชิงกลยุทธ์ ตัวอย่างเช่น องค์กรที่มีกลยุทธ์สร้างความเติบโตโดยมีพื้นฐานจากการขยายการดำเนินงานไปยังประเทศอื่น ทางเลือกเชิงกลยุทธ์นี้จะแสดงให้เห็นความเสี่ยงและโอกาสของการมีส่วนร่วมกับความมีเสถียรภาพของสภาพแวดล้อมทางการเมือง ทรัพยากร ตลาด ช่องทาง ความสามารถของแรงงาน และต้นทุนของประเทศนั้น

ความไม่แน่นอนนั้นเป็นไปได้ทั้งความเสี่ยงและโอกาส มีความเป็นไปได้ทั้งที่จะลดหรือเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร

การจัดการความเสี่ยง (Enterprise Risk Management – ERM) เป็นกรอบความคิดทางการบริหารเพื่อที่จะจัดการกับสภาวการณ์ที่ไม่มีความแน่นอนอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการสร้างโอกาสและคุณค่าให้กับองค์กร สำหรับความไม่แน่นอนขององค์กรทั่วไป ก็คือการที่องค์กรไม่อาจจะบรรลุพันธกิจตามแผนงานการบริหารงานที่กำหนดไว้ได้

คุณค่าและค่านิยมร่วม (Shared Value) จึงเป็นเป้าหมายสูงสุด ที่ถูกกำหนดและยอมรับจากทั้งผู้บริหาร และสมาชิกทุกคนขององค์กร โดยตั้งปรัชญาและค่านิยมที่จะปลูกฝังให้พนักงานทุกคนยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติงานในทางปฏิบัติ ดังนั้นค่านิยมร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่พนักงานขององค์กรจะยึดถือร่วมกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะแสดงออกอย่างชัดเจน หรือต้องศึกษาและทำความเข้าใจเองจากสภาพแวดล้อมในองค์กร

ภาพต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นถึงความโยงใยสัมพันธ์กันของพนักงานทุกคนในองค์กรที่มีค่านิยมร่วมกันในสภาพแวดล้อมขององค์กรเดียวกัน

คุณค่าและค่านิยมร่วม

คุณค่าและค่านิยมร่วม

การตัดสินใจของผู้บริหารจะสร้าง รักษา หรือให้คุณค่า ในทุกกิจกรรมจากการกำหนดการปฏิบัติงานในองค์กรในแต่ละวัน การตัดสินใจจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและโอกาส ความต้องการที่ฝ่ายบริหารจะต้องพิจารณาข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

การสร้างคุณค่าเกิดขึ้นโดยการพัฒนาทรัพยากร อันประกอบด้วย บุคลากร ทุน เทคโนโลยี และ ความน่าเชื่อถือ เช่น แบรนด์ เป็นต้น เพื่อสร้างประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรให้มากขึ้นกว่าเดิม การรักษาคุณค่าโดยเน้นไปยัง บุคลากร กระบวนการ ระบบและการปฏิบัติเพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน ประกอบด้วยสิ่งอื่น ๆ เช่น คุณภาพของสินค้า ความสามารถในการผลิตและความพึงพอใจของลูกค้า คุณค่าอาจถูกบั่นทอนจากการปฏิบัติที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่เหมาะสมเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาส หรือโดยกลยุทธ์หรือการบริหารจัดการที่ไม่ดีพอ

คุณค่าสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ของฝ่ายบริหารมีความสมดุลระหว่างการเติบโต วัตถุประสงค์ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ การจัดการความเสี่ยงขององค์กรทั่วไป จะช่วยอำนวยความสะดวกในการระบุความต้องการของตลาด ความไม่เพียงพอและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการสร้างคุณค่าและความเสี่ยงต่อกลยุทธ์และความสำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร

คุณค่าของการบริหารความเสี่ยง
1. การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิผล สามารถช่วยบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงในทุกระดับขององค์กร และช่วยให้การประเมินโอกาสเกิดและผลกระทบของความเสี่ยงที่มีคุณค่าขององค์กรมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้มีผลประโยชน์ร่วม
2. สามารถลดความสูญเสียและเพิ่มโอกาสให้กับองค์กร
3. ช่วยจัดการกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น และสามารถกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุวัตถุประสงค์
4. ความสำเร็จขององค์กร

การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล ควรตระหนักถึงคุณค่าที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งได้ถูกสร้าง รักษา หรือซ่อนเร้นอยู่ภายในการดำเนินงานปัจจุบัน และคุณค่าซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในการตัดสินใจในอนาคต คุณค่าที่ซ่อนเร้น หมายถึงคุณค่าที่อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ โดยองค์กรไม่ได้นำออกมาใช้หรือกำลังหมดค่าไปในที่สุด

RM & BSC - KPI & Hidden Value

RM & BSC - KPI & Hidden Value

การวัดคุณค่าขององค์กร
การวัดคุณค่าจะเกี่ยวข้องกับคุณค่า ประโยชน์ หรือเรื่องที่สำคัญขององค์กรต่อผู้มีผลประโยชน์ร่วม ผู้บริหารองค์กรหลายแห่งมักคิดถึงคุณค่าในลักษณะการวัดการเงิน เช่น กำไรทางเศรษฐศาสตร์ คุณค่าเพิ่มของผู้มีผลประโยชน์ร่วม การปรับความเสี่ยงจากผลตอบแทนจากทุนทรัพย์ หรืองบประมาณที่ได้รับจากทางการในกรณีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐ และองค์กรมหาชน

คุณค่าขององค์กร จะเกิดขึ้นได้จากความน่าเชื่อถือในการบริหารงานโดยรวม ของคณะกรรมการบริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพในการดำเนินการให้ได้ตามแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างมั่นใจที่จะก้าวไปสู่พันธกิจและวิสัยทัศน์ตามที่กำหนดไว้ได้ ดังภาพที่เห็นด้านล่างนี้ แสดงถึงการบริหารความเสี่ยงกับการเพิ่มคุณค่าขององค์กรในระดับต่าง ๆ

แนวทางการพัฒนาและเพิ่มคุณค่าการบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ขององค์กร

แนวทางการพัฒนาและเพิ่มคุณค่าการบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ขององค์กร


แนวทาง/กรอบ/คู่มือการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

เมษายน 7, 2009

มาแล้วครับ ตามที่ได้บอกทิ้งท้ายเอาไว้ในครั้งก่อนว่า ครั้งนี้เราจะมาพูดคุยและลงลึกกันในรายละเอียดของการจัดการความเสี่ยงขององค์กรกัน แต่ก่อนอื่นผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจกับภาพ ๆ หนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพของการบริหารความเสี่ยงในระดับ ๆ ต่าง ๆ แบบบูรณาการและมีดุลยภาพได้เป็นอย่างดี ดังภาพด้านล่างนี้ ก่อนที่จะได้กล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงต่อไป

การบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ กับเจ้าภาพ

การบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ กับเจ้าภาพ

การจัดการความเสี่ยงขององค์กรทั่วไป
การจัดการความเสี่ยงขององค์กร ได้ถูกนำมาประยุกต์ในการกำหนดกลยุทธ์และกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร อันจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถระบุ ประเมินและบริหารความเสี่ยงเมื่อต้องเผชิญอย่างคาดไม่ถึง และสนับสนุนการสร้างและรักษาค่านิยมขององค์กร การจัดการความเสี่ยงขององค์กร จะเป็นตัวสนับสนุนความสามารถในการจัดการความเสี่ยงและกลยุทธ์ให้เป็นแนวทางเดียวกัน เชื่อมโยงความเสี่ยงกับความเติบโตและผลตอบแทน ส่งเสริมการตัดสินใจตอบสนองต่อความเสี่ยง ลดความตื่นตระหนักและความสูญเสียในการปฏิบัติการ ระบุและบริหารความเสี่ยงระหว่างสถานประกอบได้ สามารถตอบสนองความเสี่ยงที่ซับซ้อนอย่างบูรณาการได้ สามารฉกฉวยโอกาสและมีการลงทุนอย่างเหมาะสม

ทุกองค์กรต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และความท้าทายสำหรับฝ่ายบริหารขององค์กรทั่วไป ก็คือการกำหนดระดับความไม่แน่นอนที่มีอยู่เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผู้มีผลประโยชน์ร่วม ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อศักยภาพและบั่นทอนหรือส่งเสริมคุณค่า การจัดการความเสี่ยงขององค์กรทั่วไป จึงเป็นการสร้างกรอบของงานเพื่อให้ผู้บริหารได้จัดการกับความไม่แน่นอน ความเสี่ยงและโอกาสเพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับองค์กรและผู้มีผลประโยชน์ร่วม การบริหารความเสี่ยงจะช่วยให้แน่ใจอย่างสมเหตุสมผลว่า องค์กรทั่วไปสามารถบรรลุเป้าประสงค์ขององค์กรได้

องค์กรที่ดำเนินงานในสภาพแวดล้อม ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เช่น โลกาภิวัฒน์ เทคโนโลยี กฎระเบียบ การปรับโครงสร้างใหม่ การเปลี่ยนแปลงตลาด และการแข่งขันที่สร้างความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนมักถูกแสดงออกมาและสร้างขึ้นจากทางเลือกเชิงกลยุทธ์ ตัวอย่างเช่น องค์กรที่มีกลยุทธ์สร้างความเติบโตโดยมีพื้นฐานจากการขยายการดำเนินงานไปยังประเทศอื่น ทางเลือกเชิงกลยุทธ์นี้จะแสดงให้เห็นความเสี่ยงและโอกาสของการมีส่วนร่วมกับความมีเสถียรภาพของสภาพแวดล้อมทางการเมือง ทรัพยากร ตลาด ช่องทาง ความสามารถของแรงงาน และต้นทุนของประเทศนั้น

ความไม่แน่นอนนั้นเป็นไปได้ทั้งความเสี่ยงและโอกาส มีความเป็นไปได้ทั้งที่จะลดหรือเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร

การจัดการความเสี่ยง (Enterprise Risk Management – ERM) เป็นกรอบความคิดทางการบริหารเพื่อที่จะจัดการกับสภาวการณ์ที่ไม่มีความแน่นอนอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการสร้างโอกาสและคุณค่าให้กับองค์กร สำหรับความไม่แน่นอนขององค์กรทั่วไป ก็คือการที่องค์กรไม่อาจจะบรรลุพันธกิจตามแผนงานการบริหารงานที่กำหนดไว้ได้

คุณค่าและค่านิยมร่วม (Shared Value) จึงเป็นเป้าหมายสูงสุด ที่ถูกกำหนดและยอมรับจากทั้งผู้บริหาร และสมาชิกทุกคนขององค์กร โดยตั้งปรัชญาและค่านิยมที่จะปลูกฝังให้พนักงานทุกคนยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติงานในทางปฏิบัติ ดังนั้นค่านิยมร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่พนักงานขององค์กรจะยึดถือร่วมกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะแสดงออกอย่างชัดเจน หรือต้องศึกษาและทำความเข้าใจเองจากสภาพแวดล้อมในองค์กร

ภาพต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นถึงความโยงใยสัมพันธ์กันของพนักงานทุกคนในองค์กรที่มีค่านิยมร่วมกันในสภาพแวดล้อมขององค์กรเดียวกัน

คุณค่าและค่านิยมร่วม

คุณค่าและค่านิยมร่วม

การตัดสินใจของผู้บริหารจะสร้าง รักษา หรือให้คุณค่า ในทุกกิจกรรมจากการกำหนดการปฏิบัติงานในองค์กรในแต่ละวัน การตัดสินใจจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและโอกาส ความต้องการที่ฝ่ายบริหารจะต้องพิจารณาข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

การสร้างคุณค่าเกิดขึ้นโดยการพัฒนาทรัพยากร อันประกอบด้วย บุคลากร ทุน เทคโนโลยี และ ความน่าเชื่อถือ เช่น แบรนด์ เป็นต้น เพื่อสร้างประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรให้มากขึ้นกว่าเดิม การรักษาคุณค่าโดยเน้นไปยัง บุคลากร กระบวนการ ระบบและการปฏิบัติเพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน ประกอบด้วยสิ่งอื่น ๆ เช่น คุณภาพของสินค้า ความสามารถในการผลิตและความพึงพอใจของลูกค้า คุณค่าอาจถูกบั่นทอนจากการปฏิบัติที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่เหมาะสมเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาส หรือโดยกลยุทธ์หรือการบริหารจัดการที่ไม่ดีพอ

คุณค่าสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ของฝ่ายบริหารมีความสมดุลระหว่างการเติบโต วัตถุประสงค์ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ การจัดการความเสี่ยงขององค์กรทั่วไป จะช่วยอำนวยความสะดวกในการระบุความต้องการของตลาด ความไม่เพียงพอและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการสร้างคุณค่าและความเสี่ยงต่อกลยุทธ์และความสำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร

คุณค่าของการบริหารความเสี่ยง
1. การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิผล สามารถช่วยบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงในทุกระดับขององค์กร และช่วยให้การประเมินโอกาสเกิดและผลกระทบของความเสี่ยงที่มีคุณค่าขององค์กรมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้มีผลประโยชน์ร่วม
2. สามารถลดความสูญเสียและเพิ่มโอกาสให้กับองค์กร
3. ช่วยจัดการกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น และสามารถกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุวัตถุประสงค์
4. ความสำเร็จขององค์กร

การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล ควรตระหนักถึงคุณค่าที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งได้ถูกสร้าง รักษา หรือซ่อนเร้นอยู่ภายในการดำเนินงานปัจจุบัน และคุณค่าซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในการตัดสินใจในอนาคต คุณค่าที่ซ่อนเร้น หมายถึงคุณค่าที่อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ โดยองค์กรไม่ได้นำออกมาใช้หรือกำลังหมดค่าไปในที่สุด

RM & BSC - KPI & Hidden Value

RM & BSC - KPI & Hidden Value

การวัดคุณค่าขององค์กร
การวัดคุณค่าจะเกี่ยวข้องกับคุณค่า ประโยชน์ หรือเรื่องที่สำคัญขององค์กรต่อผู้มีผลประโยชน์ร่วม ผู้บริหารองค์กรหลายแห่งมักคิดถึงคุณค่าในลักษณะการวัดการเงิน เช่น กำไรทางเศรษฐศาสตร์ คุณค่าเพิ่มของผู้มีผลประโยชน์ร่วม การปรับความเสี่ยงจากผลตอบแทนจากทุนทรัพย์ หรืองบประมาณที่ได้รับจากทางการในกรณีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐ และองค์กรมหาชน

คุณค่าขององค์กร จะเกิดขึ้นได้จากความน่าเชื่อถือในการบริหารงานโดยรวม ของคณะกรรมการบริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพในการดำเนินการให้ได้ตามแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างมั่นใจที่จะก้าวไปสู่พันธกิจและวิสัยทัศน์ตามที่กำหนดไว้ได้ ดังภาพที่เห็นด้านล่างนี้ แสดงถึงการบริหารความเสี่ยงกับการเพิ่มคุณค่าขององค์กรในระดับต่าง ๆ

แนวทางการพัฒนาและเพิ่มคุณค่าการบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ขององค์กร

แนวทางการพัฒนาและเพิ่มคุณค่าการบริหารความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ขององค์กร