แนวทาง/กรอบการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

กรกฎาคม 8, 2009

ช่วงนี้อากาศเย็นเพราะฝนตกบ่อย ผมอยู่นอกบ้านอากาศเย็นถึงกับหนาว ๆ อยู่บ้าง พอกลับเข้ามาในบ้านก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย หลายท่านก็ต้องระวังจะไม่สบายตามฝนฟ้าอากาศด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ผมจะมาเล่าต่อถึงการจัดกลุ่มของเหตุการณ์จากที่ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ในครั้งก่อน

การจัดกลุ่มเหตุการณ์
การจัดเหตุการณ์แฝงให้เป็นกลุ่มอาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ การรวบรวมเหตุการณ์ระหว่างองค์กรและภายในส่วนงานต่าง ๆ ขององค์กรนั้น ผู้บริหารจะพัฒนาความเข้าใจของความสัมพันธ์กันระหว่างเหตุการณ์ได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการประเมินค่าความเสี่ยงในการจัดกลุ่มเหตุการณ์แฝงที่เหมือนกัน ผู้บริหารจะสามารถกำหนดโอกาสและความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
การแบ่งกลุ่มเหตุการณ์ทำให้ผู้บริหารได้พิจารณาถึงความสมบูรณ์ของความพยายามที่จะแยกแยะเหตุการณ์ จากการตรวจสอบเหตุการณ์แฝงในกลุ่มนี้ ผู้บริหารสามารถวัดได้ว่ามีการแยกแยะความสำคัญของเหตุการณ์แฝงซึ่งสัมพันธ์กับการผิดพลาดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น การจัดกลุ่มเหตุการณ์สามารถเสริมภาพเหตุการณ์ ประวัติขององค์กรต่าง ๆ บางองค์กรได้พัฒนาการแบ่งกลุ่มเหตุการณ์บนพื้นฐานของการจัดกลุ่มของวัตถุประสงค์การใช้ระดับขั้น ซึ่งเริ่มต้นด้วยวัตถุประสงค์ระดับสูงและลดหลั่นลงมาสู่วัตถุประสงค์ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยงานขององค์กร หรือการดำเนินธุรกิจ

ผู้บริหารต้องตระหนักว่ายังมีเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไร เมื่อไร หรือส่งผลอย่างไร การกำหนดเหตุการณ์นี้คือผู้บริหารต้องพิจารณาปัจจัยทั้งภายนอกภายในที่มีผลทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ปัจจัยภายนอก รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ การเมือง สังคมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ปัจจัยภายใน เช่นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Infrastructure) บุคลากร กระบวนการทำงาน หรือเทคโนโลยี

เหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นมีผลกระทบได้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ เหตุการณ์ที่มีผลกระทบในแง่บวกแสดงถึงโอกาส โอกาสสามารถนำไปกำหนดกลยุทธ์หรือกระบวนการในการกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร เหตุการณ์ที่มีผลกระทบในแง่ลบแสดงถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายจัดการต้องทำการประเมินและตอบสนองกับเหตุการณ์นั้น ความเสี่ยงที่ถูกกำหนดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร

ตัวอย่างเหตุการณ์เสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น
– ภาวะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
– ลูกค้าเปลี่ยนทัศนคติหรือความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการ
– ภาวะการแข่งขันทางการตลาดทั้งสินค้าและบริการ
– กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
– สภาวะทางเศรษฐกิจ การค้า ความร่วมมือระหว่างประเทศ และสภาวะแวดล้อมภายนอกอื่น

การระบุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์กร

การระบุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์กร

ตัวอย่างเหตุการณ์เสี่ยงจากปัจจัยภายในและระบบงาน เช่น
– ศักยภาพของบุคลากร กระบวนการบริหาร โครงสร้าง และการบริหารแผนงานขององค์กร
– ปริมาณและความซับซ้อนของรายการค้า การบริการ ผู้มีผลประโยชน์ร่วม และสาขางานที่เกี่ยวข้อง
– คุณภาพหรือปัญหาข้อขัดข้องของกิจกรรมประมวลผลและระบบสารสนเทศ เพื่อการรายงาน เพื่อการบริหาร
– คุณภาพและความสามารถของพนักงาน ความขัดแย้งชิงดีชิงเด่นภายในองค์กร และนโยบายเกี่ยวกับการบริหารบุคลากรขององค์กร
– คุณภาพและการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายบริหาร วิธีการบริหาร ระบบและวิธีการปฏิบัติงาน
– การคัดเลือกคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบที่ไม่เหมาะสม ทำให้ได้ผู้ที่ไม่มีคุณภาพมากำกับดูแลงาน
– ความเพียงพอและประสิทธิผลการควบคุม

องค์ประกอบความรู้ที่ใช้ในการวิเคราะห์ระบบงาน

องค์ประกอบความรู้ที่ใช้ในการวิเคราะห์ระบบงาน

วิธีการจำแนกเหตุการณ์จากพื้นฐานของปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
ปัจจัยภายใน พิจารณาจาก
โครงสร้างพื้นฐาน
– สินทรัพย์ที่มีอยู่
– ความสามารถของสินทรัพย์
– การเข้าถึงทุน
– ความซับซ้อน
– การรวมกัน/การหามาได้

บุคลากร
– ความสามารถของพนักงาน
– สุขภาพและความปลอดภัย
– การตัดสินคุณค่า
– การปฏิบัติที่ปลอดภัย
– การดำเนินการขาย

กระบวนการ
– ความสามารถ
– การออกแบบ
– การดำเนินการ
– ผู้ขาย/การพึ่งพา

เทคโนโลยี
– ข้อมูล
– ข้อมูลและการได้มาซึ่งระบบ
– ความสามารถ
– ระบบ

ปัจจัยภายนอก พิจารณาจาก
เศรษฐกิจ
– การหาทุน
– เครดิต
– การลื่นไหลของตลาด การหาทุน กระแสเงินสด
– ตลาด ราคาตลาด อัตราดอกเบี้ย การว่างงาน อัตราแลกเปลี่ยน

ธุรกิจ
– ยี่ห้อ/ชื่อสินค้า
– การแข่งขัน
– พฤติกรรมผู้บริโภค
– คู่แข่ง
– ความลำเอียง
– มาตรฐานอุตสาหกรรม
– โครงสร้างความเป็นเจ้าของ
– สาธารณะ
– ความเกี่ยวข้องของผลิตภัณฑ์

เทคนิค
– การค้าอิเล็กทรอนิคส์
– ข้อมูลภายนอก
– การกระจายเทคโนโลยี

สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
– พลังงาน
– ภัยธรรมชาติ
– การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
– การขนส่ง
– น้ำ
– ไฟ

การเมือง
– การเปลี่ยนรัฐบาล
– กฎหมาย
– นโยบายสาธารณะ
– กฎระเบียบ

สังคม
– ความเป็นประชากรขององค์กร
– ความเป็นส่วนตัว

ความเสี่ยงที่เด่นชัดและโอกาส
เหตุการณ์อาจทำให้เกิดผลทางด้านลบ ทางด้านบวก หรือทั้งสองด้าน เหตุการณ์ซึ่งส่งผลทางด้านลบเป็นเสมือนความเสี่ยง ซึ่งต้องการการประเมินค่าและตอบสนองจากผู้บริหาร ดังนั้น ความเสี่ยงคือความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นและส่งผลอย่างเป็นปฏิปักษ์ต่อความสำเร็จของวัตถุประสงค์

ส่วนเหตุการณ์ซึ่งส่งผลทางบวกเป็นเสมือนโอกาสหรือการโต้ตอบผลลบของความเสี่ยง เหตุการณ์ที่เป็นเสมือนโอกาสจะถูกส่งกลับไปสู่กลยุทธ์ของผู้บริหารหรือในขั้นตอนการตั้งวัตถุประสงค์ เพื่อให้การกระทำสามารถก่อตัวเพื่อครอบงำโอกาส เหตุการณ์ที่โต้ตอบผลลบของความเสี่ยงจะถูกพิจารณา ในการประเมินค่าความเสี่ยงและการตอบสนองของผู้บริหาร

องค์ประกอบสำคัญของการระบุเหตุการณ์

องค์ประกอบสำคัญของการระบุเหตุการณ์

ครั้งหน้าผมจะกล่าวถึงกระบวนการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน ตามหลัก COSO – ERM ในกระบวนการขั้นถัดไปคือ การประเมินความเสี่ยง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ผู้บริหารองค์กรทั้งหลายไม่ควรพลาดครับ


ความมั่นคง ความปลอดภัยระดับประเทศกับการบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite)

กรกฎาคม 8, 2009

ทุกท่านที่ได้อ่านข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศทางทิศตะวันตกของไทย ได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ในสถานที่ห่างไกล ซึ่งตามข่าวอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยจากการถูกโจมตี และอื่น รวมทั้งมีข่าวเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ประเทศเพื่อนบ้านนี้ได้สร้างอุโมงค์ลับเป็นร้อย ๆ อุโมงค์ ในแต่ละอุโมงค์มีขนาดใหญ่ที่สามารถให้รถบรรทุกทหาร 2 คันวิ่งสวนกันได้ และมีระดับความสูงเพียงพอที่อาจจะใช้เป็นที่เก็บจรวดและยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ได้ การสร้างอุโมงค์นี้มีหลายสิบอุโมงค์ที่สร้างลอดช่องเขาที่เรียบชายแดนไทยไปทางตอนใต้++

ตามข่าวประเทศเพื่อนบ้านนี้ได้สร้างอุโมงค์ที่ว่านี้ตั้งแต่ปี 2539 โดยได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศที่ปัจจุบันมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในความครอบครองแล้ว นอกเหนือจากการทดลองขีปนาวุธที่สามารถยิงไกลได้ถึงรัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะทางประมาณ 8,000 ไมล์ ที่เป็นข่าวครึกโครมกันไปทั่วโลก+++

และจากข่าวที่เรือบรรทุกผลิตภัณฑ์ขนาดหนักที่กำลังมุ่งหน้าไปทางประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ได้ถูกระบุจากข่าวต่างประเทศว่า อาจบรรทุกยุทโธปกรณ์ขนาดหนัก ซึ่งก็ได้ดำเนินการมานานพอสมควรแล้วนั้น ทางกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม หน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ของไทย ทั้งทหารและพลเรือน มีกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่เต็มรูปแบบและพร้อมรับมือกับสถานะการณ์ต่าง ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและเป็นไปในทางลบ ถึงลบมาก ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเกินกว่าที่ประเทศไทยยอมรับได้หรือไม่

การกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ อันเกิดจากความเสียหายที่จะต้องสร้างสถานะการณ์จำลอง ควบคู่กันไปกับการวิเคราะห์ความเสี่ยง โดยใช้เทคนิค What if… ? เพื่อหาคำตอบ และตามด้วยคำถามจากคำตอบนั้นสลับกันไป ก็น่าจะได้การกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ (Risk Apptite) ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงระดับประเทศและเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด พร้อมทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์ และนโยบาย รวมทั้งแผนการปฏิบัติการ โดยกำหนดเจ้าภาพ/หน่วยงานที่รับผิดชอบ ตามระดับความเสี่ยง ซึ่งสากลกำหนดไว้ที่ 5 ระดับ และมีการซักซ้อมกันอย่างเหมาะสม+++

เนื่องจากผมมิได้อยู่ในวงการทหาร แต่มีความห่วงใยและกังวลใจในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ต้องการเห็นความพร้อมรับมือในทุกรูปแบบ ในทุกสถานการณ์ และทุกเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะการป้องกันเชิงรุก คือการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบย่อมดีกว่าการป้องกันเชิงรับที่ขาดยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่เหมาะสมในระดับชาติ

หากมีโอกาสผมจะใคร่ขอออกความเห็นในการสร้างสถานการณ์จำลองตามเทคนิค What if.. ? เพื่อประเมินความพร้อมต่อระบบความมั่นคงของชาติในแง่มุมต่าง ๆ เพราะเรื่องนี้ผู้ที่มีความพร้อมกว่าเท่านั้นจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดดุลยภาพทางด้านความมั่นคงของประเทศ และระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นใจ

หากมีคำถามว่า หน่วยงานราชการ หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานทางด้านสังคม หน่วยงานทางเศรษฐกิจและการเงิน มีความเข้าใจและมีการเรียนการสอนในระดับสูงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นกระบวนการหรือไม่ ส่วนใหญ่ก็จะได้คำตอบว่า “เรามีการบริหารความเสี่ยงกันอยู่แล้ว โดยยกตัวอย่างประกอบ เช่นอย่างนั้น เช่นอย่างนี้ อยู่เสมอ ๆ” แต่โดยแท้ที่จริงหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานยังขาดการเรียนการสอนกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างครบถ้วนและเป็นกระบวนการที่แท้จริง แต่มีการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่อง ๆ เป็นส่วน ๆ โดยขาดการบริหารความเสี่ยงในระดับประเทศที่มีการประสานงานในระหว่างหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานต่าง ๆ ในลักษณะที่เป็นบูรณาการอย่างแท้จริง

การกำหนดระดับความเสี่ยงของประเทศที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และต้องดำเนินการก่อนที่จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ ยูทธวิธี นโยบาย และแนวทางจัดการที่เหมาะสม

การกำหนดระดับความเสี่ยงของประเทศที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และต้องดำเนินการก่อนที่จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ ยูทธวิธี นโยบาย และแนวทางจัดการที่เหมาะสม

ในโอกาสต่อ ๆ ไป ผมจะใช้หลักการประเมินความพร้อมด้านความมั่นคงในแง่มุมต่าง ๆ โดยจำลองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ เพื่อประเมินยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินการตามสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้ว่า หน่วยงานนั้น ๆ มีความพร้อมเพียงใดที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพ และเป็นผู้ตัดสินใจ เป็นผู้สั่งการ หรือต้องจัดให้มีการประชุมโดยใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการดำเนินการกับเหตุการณ์ที่อาจสร้างความเสียหายที่ไม่อาจยอมรับได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะต้องมีแนวการปฏิบัติที่เหมาะสมและเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง

เราจะกลับมาคุยกันในมุมมองของความมั่นคงทางด้านตะวันตกในภายหลังนะครับ

คราวนี้เราลองหันมามองทางทิศตะวันออกของไทยกันบ้าง เช่นเดียวกับที่ได้เกริ่นทางด้านความมั่นคง ความปลอดภัยระดับชาติกับการประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ ตามที่กล่าวไปแล้ว+++ เรามาตั้งคำถามง่าย ๆ ว่า…

“ทำไมประเทศเล็ก ๆ ที่มีกำลังน้อยกว่าเราในทุกรูปแบบ จึงสามารถข่มขู่หรือใช้วาจาในลักษณะไม่เคารพศักดิ์ศรี ไม่ให้ความเกรงใจประเทศที่ใหญ่กว่าอย่างประเทศไทยเราได้” และ

“ทำไมเราจึงยอมให้มีการสร้างวัด หรือสร้างอาคารในเนื้อที่ของประเทศไทย และมีชาวต่างชาติที่อาจเป็นทหารในรูปแบบของประชาชนมาอยู่ในอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างประเทศ จนกระทั่งกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย เผชิญหน้าในลักษณะใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง (เก็บตกจากเนื้อข่าวต่าง ๆ)

สำหรับความเห็นส่วนตัวของผม เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นไม่น่ายอมรับได้ในสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้นแบบนี้ เพราะเป็นความเสี่ยงทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าหากขาดความอดทนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะหลีกเลี่ยงได้ ถ้ามีการบริหารความเสี่ยง มีการป้องกันหรือควบคุม และมีการจัดการอย่างเป็นระบบภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ตั้งแต่แรก ๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารความเสี่ยงสากล ที่ใช้แนวทางของ COSO – Enterprise Risk Management เป็นต้น”

ผลที่ตามมา ถ้าหากมีการบริหารความเสี่ยงในเชิงบูรณาการและมีการสอดประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และเป็นระบบก็น่าจะลดความตึงเครียดและความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

ลองหันไปดูทางทิศใต้ของประเทศไทย เป็นความยากอย่างยิ่งในการออกความเห็นของผมในสถานการณ์ที่อ่อนไหวมาก ๆ ในปัจจุบัน++ อย่างไรก็ดี หากผู้บริหารระดับประเทศใช้หลักการของ COSO – ERM พร้อมกับการวางกลยุทธ์และนโยบายที่เหมาะสม โดยมองอนาคตและเหตุการณ์ที่อาจควบคุมได้อย่างเป็นระบบ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ก็อาจมีแนวทางบางประการที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ก็ได้นะครับ

วันนี้ ผมได้นำหลักการบริหารความเสี่ยงของประเทศที่ใช้หลักการบริหารความเสี่ยงขององค์กรมาอธิบายในระดับหนึ่ง ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะได้ประโยชน์พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเสี่ยงที่เป็นความมั่นคงของประเทศ น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันออกความเห็น ในระดับประชาชน และท้องถิ่น เช่นเดียวกับการควบคุมภายในตามฐานความเสี่ยงเป็นหน้าที่ของบุคคลทุกคนภายในองค์กรนั้น ตั้งแต่คณะกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน โดยมีความรับผิดชอบที่แตกต่างกันออกไป

เป็นเรื่องแปลกแต่จริงก็คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้มีการสำรวจความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการควบคุมภายใน ตามฐานความเสี่ยงทั่วประเทศมาแล้ว ผลที่ออกมาเป็นเรื่องที่น่าใจหายอย่างยิ่ง เพราะผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง ต่างก็เข้าใจไม่ถูกต้องตามหลักการของ COSO – ERM กันเป็นส่วนใหญ่ ถึงร้อยละประมาณ 80% ของการสำรวจในหน่วยงาน 500 กว่าแห่ง ซึ่งให้เห็นแสดงว่าควรจะมีการร่วมด้วยช่วยกันในเรื่องของกระบวนการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน และการตรวจสอบภายในอย่างเป็นระบบ

ท่านที่อ่านมาถึงตอนนี้ อาจจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันบ้างในบางมุมมอง เพราะผมยังไม่ได้ลงในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การอธิบายถึงคำว่า กระบวนการบริหารความเสี่ยงหมายถึงอะไร และทำไมจึงต้องมีการกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ (Risk Appetite) และระดับความเบี่ยงเบนที่อาจเกิดขึ้น (Risk Tolerance) มิฉะนั้น การวางยุทธศาสตร์ นโยบาย การกำหนดเป้าหมาย อาจไม่เป็นไปตามพันธกิจ และวิสัยทัศน์ของประเทศทางด้านความมั่นคงที่ต้องถ่ายทอดไปยังแผนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และการประสานงานอย่างบูรณาการก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่มาของประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางด้านความมั่นคง รวมทั้งการบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นี่คือที่มาของความเป็นห่วงใยของประชาชนคนหนึ่ง ที่พยายามจะนำหลักการทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ในการบริหารและการจัดการในทุกองค์กร เพื่อก้าวสู่กระบวนการจัดการทางด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน


ความมั่นคง ความปลอดภัยระดับประเทศกับการบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite)

กรกฎาคม 8, 2009

ทุกท่านที่ได้อ่านข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศทางทิศตะวันตกของไทย ได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ในสถานที่ห่างไกล ซึ่งตามข่าวอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยจากการถูกโจมตี และอื่น รวมทั้งมีข่าวเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ประเทศเพื่อนบ้านนี้ได้สร้างอุโมงค์ลับเป็นร้อย ๆ อุโมงค์ ในแต่ละอุโมงค์มีขนาดใหญ่ที่สามารถให้รถบรรทุกทหาร 2 คันวิ่งสวนกันได้ และมีระดับความสูงเพียงพอที่อาจจะใช้เป็นที่เก็บจรวดและยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ได้ การสร้างอุโมงค์นี้มีหลายสิบอุโมงค์ที่สร้างลอดช่องเขาที่เรียบชายแดนไทยไปทางตอนใต้++

ตามข่าวประเทศเพื่อนบ้านนี้ได้สร้างอุโมงค์ที่ว่านี้ตั้งแต่ปี 2539 โดยได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศที่ปัจจุบันมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในความครอบครองแล้ว นอกเหนือจากการทดลองขีปนาวุธที่สามารถยิงไกลได้ถึงรัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะทางประมาณ 8,000 ไมล์ ที่เป็นข่าวครึกโครมกันไปทั่วโลก+++

และจากข่าวที่เรือบรรทุกผลิตภัณฑ์ขนาดหนักที่กำลังมุ่งหน้าไปทางประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ได้ถูกระบุจากข่าวต่างประเทศว่า อาจบรรทุกยุทโธปกรณ์ขนาดหนัก ซึ่งก็ได้ดำเนินการมานานพอสมควรแล้วนั้น ทางกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม หน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ของไทย ทั้งทหารและพลเรือน มีกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่เต็มรูปแบบและพร้อมรับมือกับสถานะการณ์ต่าง ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและเป็นไปในทางลบ ถึงลบมาก ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเกินกว่าที่ประเทศไทยยอมรับได้หรือไม่

การกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ อันเกิดจากความเสียหายที่จะต้องสร้างสถานะการณ์จำลอง ควบคู่กันไปกับการวิเคราะห์ความเสี่ยง โดยใช้เทคนิค What if… ? เพื่อหาคำตอบ และตามด้วยคำถามจากคำตอบนั้นสลับกันไป ก็น่าจะได้การกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ (Risk Apptite) ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงระดับประเทศและเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด พร้อมทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์ และนโยบาย รวมทั้งแผนการปฏิบัติการ โดยกำหนดเจ้าภาพ/หน่วยงานที่รับผิดชอบ ตามระดับความเสี่ยง ซึ่งสากลกำหนดไว้ที่ 5 ระดับ และมีการซักซ้อมกันอย่างเหมาะสม+++

เนื่องจากผมมิได้อยู่ในวงการทหาร แต่มีความห่วงใยและกังวลใจในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ต้องการเห็นความพร้อมรับมือในทุกรูปแบบ ในทุกสถานการณ์ และทุกเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะการป้องกันเชิงรุก คือการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบย่อมดีกว่าการป้องกันเชิงรับที่ขาดยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่เหมาะสมในระดับชาติ

หากมีโอกาสผมจะใคร่ขอออกความเห็นในการสร้างสถานการณ์จำลองตามเทคนิค What if.. ? เพื่อประเมินความพร้อมต่อระบบความมั่นคงของชาติในแง่มุมต่าง ๆ เพราะเรื่องนี้ผู้ที่มีความพร้อมกว่าเท่านั้นจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดดุลยภาพทางด้านความมั่นคงของประเทศ และระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นใจ

หากมีคำถามว่า หน่วยงานราชการ หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานทางด้านสังคม หน่วยงานทางเศรษฐกิจและการเงิน มีความเข้าใจและมีการเรียนการสอนในระดับสูงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นกระบวนการหรือไม่ ส่วนใหญ่ก็จะได้คำตอบว่า “เรามีการบริหารความเสี่ยงกันอยู่แล้ว โดยยกตัวอย่างประกอบ เช่นอย่างนั้น เช่นอย่างนี้ อยู่เสมอ ๆ” แต่โดยแท้ที่จริงหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานยังขาดการเรียนการสอนกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างครบถ้วนและเป็นกระบวนการที่แท้จริง แต่มีการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่อง ๆ เป็นส่วน ๆ โดยขาดการบริหารความเสี่ยงในระดับประเทศที่มีการประสานงานในระหว่างหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานต่าง ๆ ในลักษณะที่เป็นบูรณาการอย่างแท้จริง

การกำหนดระดับความเสี่ยงของประเทศที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และต้องดำเนินการก่อนที่จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ ยูทธวิธี นโยบาย และแนวทางจัดการที่เหมาะสม

การกำหนดระดับความเสี่ยงของประเทศที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และต้องดำเนินการก่อนที่จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ ยูทธวิธี นโยบาย และแนวทางจัดการที่เหมาะสม

ในโอกาสต่อ ๆ ไป ผมจะใช้หลักการประเมินความพร้อมด้านความมั่นคงในแง่มุมต่าง ๆ โดยจำลองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ เพื่อประเมินยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินการตามสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้ว่า หน่วยงานนั้น ๆ มีความพร้อมเพียงใดที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพ และเป็นผู้ตัดสินใจ เป็นผู้สั่งการ หรือต้องจัดให้มีการประชุมโดยใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการดำเนินการกับเหตุการณ์ที่อาจสร้างความเสียหายที่ไม่อาจยอมรับได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะต้องมีแนวการปฏิบัติที่เหมาะสมและเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง

เราจะกลับมาคุยกันในมุมมองของความมั่นคงทางด้านตะวันตกในภายหลังนะครับ

คราวนี้เราลองหันมามองทางทิศตะวันออกของไทยกันบ้าง เช่นเดียวกับที่ได้เกริ่นทางด้านความมั่นคง ความปลอดภัยระดับชาติกับการประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ ตามที่กล่าวไปแล้ว+++ เรามาตั้งคำถามง่าย ๆ ว่า…

“ทำไมประเทศเล็ก ๆ ที่มีกำลังน้อยกว่าเราในทุกรูปแบบ จึงสามารถข่มขู่หรือใช้วาจาในลักษณะไม่เคารพศักดิ์ศรี ไม่ให้ความเกรงใจประเทศที่ใหญ่กว่าอย่างประเทศไทยเราได้” และ

“ทำไมเราจึงยอมให้มีการสร้างวัด หรือสร้างอาคารในเนื้อที่ของประเทศไทย และมีชาวต่างชาติที่อาจเป็นทหารในรูปแบบของประชาชนมาอยู่ในอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างประเทศ จนกระทั่งกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย เผชิญหน้าในลักษณะใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง (เก็บตกจากเนื้อข่าวต่าง ๆ)

สำหรับความเห็นส่วนตัวของผม เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นไม่น่ายอมรับได้ในสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้นแบบนี้ เพราะเป็นความเสี่ยงทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าหากขาดความอดทนซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะหลีกเลี่ยงได้ ถ้ามีการบริหารความเสี่ยง มีการป้องกันหรือควบคุม และมีการจัดการอย่างเป็นระบบภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ตั้งแต่แรก ๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารความเสี่ยงสากล ที่ใช้แนวทางของ COSO – Enterprise Risk Management เป็นต้น”

ผลที่ตามมา ถ้าหากมีการบริหารความเสี่ยงในเชิงบูรณาการและมีการสอดประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และเป็นระบบก็น่าจะลดความตึงเครียดและความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

ลองหันไปดูทางทิศใต้ของประเทศไทย เป็นความยากอย่างยิ่งในการออกความเห็นของผมในสถานการณ์ที่อ่อนไหวมาก ๆ ในปัจจุบัน++ อย่างไรก็ดี หากผู้บริหารระดับประเทศใช้หลักการของ COSO – ERM พร้อมกับการวางกลยุทธ์และนโยบายที่เหมาะสม โดยมองอนาคตและเหตุการณ์ที่อาจควบคุมได้อย่างเป็นระบบ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ก็อาจมีแนวทางบางประการที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ก็ได้นะครับ

วันนี้ ผมได้นำหลักการบริหารความเสี่ยงของประเทศที่ใช้หลักการบริหารความเสี่ยงขององค์กรมาอธิบายในระดับหนึ่ง ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะได้ประโยชน์พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเสี่ยงที่เป็นความมั่นคงของประเทศ น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันออกความเห็น ในระดับประชาชน และท้องถิ่น เช่นเดียวกับการควบคุมภายในตามฐานความเสี่ยงเป็นหน้าที่ของบุคคลทุกคนภายในองค์กรนั้น ตั้งแต่คณะกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน โดยมีความรับผิดชอบที่แตกต่างกันออกไป

เป็นเรื่องแปลกแต่จริงก็คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้มีการสำรวจความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการควบคุมภายใน ตามฐานความเสี่ยงทั่วประเทศมาแล้ว ผลที่ออกมาเป็นเรื่องที่น่าใจหายอย่างยิ่ง เพราะผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง ต่างก็เข้าใจไม่ถูกต้องตามหลักการของ COSO – ERM กันเป็นส่วนใหญ่ ถึงร้อยละประมาณ 80% ของการสำรวจในหน่วยงาน 500 กว่าแห่ง ซึ่งให้เห็นแสดงว่าควรจะมีการร่วมด้วยช่วยกันในเรื่องของกระบวนการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน และการตรวจสอบภายในอย่างเป็นระบบ

ท่านที่อ่านมาถึงตอนนี้ อาจจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันบ้างในบางมุมมอง เพราะผมยังไม่ได้ลงในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การอธิบายถึงคำว่า กระบวนการบริหารความเสี่ยงหมายถึงอะไร และทำไมจึงต้องมีการกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือยอมรับไม่ได้ (Risk Appetite) และระดับความเบี่ยงเบนที่อาจเกิดขึ้น (Risk Tolerance) มิฉะนั้น การวางยุทธศาสตร์ นโยบาย การกำหนดเป้าหมาย อาจไม่เป็นไปตามพันธกิจ และวิสัยทัศน์ของประเทศทางด้านความมั่นคงที่ต้องถ่ายทอดไปยังแผนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และการประสานงานอย่างบูรณาการก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่มาของประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางด้านความมั่นคง รวมทั้งการบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นี่คือที่มาของความเป็นห่วงใยของประชาชนคนหนึ่ง ที่พยายามจะนำหลักการทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ในการบริหารและการจัดการในทุกองค์กร เพื่อก้าวสู่กระบวนการจัดการทางด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน


แนวทาง/กรอบการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

กรกฎาคม 8, 2009

ช่วงนี้อากาศเย็นเพราะฝนตกบ่อย ผมอยู่นอกบ้านอากาศเย็นถึงกับหนาว ๆ อยู่บ้าง พอกลับเข้ามาในบ้านก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย หลายท่านก็ต้องระวังจะไม่สบายตามฝนฟ้าอากาศด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ผมจะมาเล่าต่อถึงการจัดกลุ่มของเหตุการณ์จากที่ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ในครั้งก่อน

การจัดกลุ่มเหตุการณ์
การจัดเหตุการณ์แฝงให้เป็นกลุ่มอาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ การรวบรวมเหตุการณ์ระหว่างองค์กรและภายในส่วนงานต่าง ๆ ขององค์กรนั้น ผู้บริหารจะพัฒนาความเข้าใจของความสัมพันธ์กันระหว่างเหตุการณ์ได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการประเมินค่าความเสี่ยงในการจัดกลุ่มเหตุการณ์แฝงที่เหมือนกัน ผู้บริหารจะสามารถกำหนดโอกาสและความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
การแบ่งกลุ่มเหตุการณ์ทำให้ผู้บริหารได้พิจารณาถึงความสมบูรณ์ของความพยายามที่จะแยกแยะเหตุการณ์ จากการตรวจสอบเหตุการณ์แฝงในกลุ่มนี้ ผู้บริหารสามารถวัดได้ว่ามีการแยกแยะความสำคัญของเหตุการณ์แฝงซึ่งสัมพันธ์กับการผิดพลาดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น การจัดกลุ่มเหตุการณ์สามารถเสริมภาพเหตุการณ์ ประวัติขององค์กรต่าง ๆ บางองค์กรได้พัฒนาการแบ่งกลุ่มเหตุการณ์บนพื้นฐานของการจัดกลุ่มของวัตถุประสงค์การใช้ระดับขั้น ซึ่งเริ่มต้นด้วยวัตถุประสงค์ระดับสูงและลดหลั่นลงมาสู่วัตถุประสงค์ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยงานขององค์กร หรือการดำเนินธุรกิจ

ผู้บริหารต้องตระหนักว่ายังมีเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไร เมื่อไร หรือส่งผลอย่างไร การกำหนดเหตุการณ์นี้คือผู้บริหารต้องพิจารณาปัจจัยทั้งภายนอกภายในที่มีผลทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ปัจจัยภายนอก รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ การเมือง สังคมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ปัจจัยภายใน เช่นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Infrastructure) บุคลากร กระบวนการทำงาน หรือเทคโนโลยี

เหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นมีผลกระทบได้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ เหตุการณ์ที่มีผลกระทบในแง่บวกแสดงถึงโอกาส โอกาสสามารถนำไปกำหนดกลยุทธ์หรือกระบวนการในการกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร เหตุการณ์ที่มีผลกระทบในแง่ลบแสดงถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายจัดการต้องทำการประเมินและตอบสนองกับเหตุการณ์นั้น ความเสี่ยงที่ถูกกำหนดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร

ตัวอย่างเหตุการณ์เสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น
– ภาวะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
– ลูกค้าเปลี่ยนทัศนคติหรือความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการ
– ภาวะการแข่งขันทางการตลาดทั้งสินค้าและบริการ
– กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
– สภาวะทางเศรษฐกิจ การค้า ความร่วมมือระหว่างประเทศ และสภาวะแวดล้อมภายนอกอื่น

การระบุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์กร

การระบุปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์กร

ตัวอย่างเหตุการณ์เสี่ยงจากปัจจัยภายในและระบบงาน เช่น
– ศักยภาพของบุคลากร กระบวนการบริหาร โครงสร้าง และการบริหารแผนงานขององค์กร
– ปริมาณและความซับซ้อนของรายการค้า การบริการ ผู้มีผลประโยชน์ร่วม และสาขางานที่เกี่ยวข้อง
– คุณภาพหรือปัญหาข้อขัดข้องของกิจกรรมประมวลผลและระบบสารสนเทศ เพื่อการรายงาน เพื่อการบริหาร
– คุณภาพและความสามารถของพนักงาน ความขัดแย้งชิงดีชิงเด่นภายในองค์กร และนโยบายเกี่ยวกับการบริหารบุคลากรขององค์กร
– คุณภาพและการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายบริหาร วิธีการบริหาร ระบบและวิธีการปฏิบัติงาน
– การคัดเลือกคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบที่ไม่เหมาะสม ทำให้ได้ผู้ที่ไม่มีคุณภาพมากำกับดูแลงาน
– ความเพียงพอและประสิทธิผลการควบคุม

องค์ประกอบความรู้ที่ใช้ในการวิเคราะห์ระบบงาน

องค์ประกอบความรู้ที่ใช้ในการวิเคราะห์ระบบงาน

วิธีการจำแนกเหตุการณ์จากพื้นฐานของปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
ปัจจัยภายใน พิจารณาจาก
โครงสร้างพื้นฐาน
– สินทรัพย์ที่มีอยู่
– ความสามารถของสินทรัพย์
– การเข้าถึงทุน
– ความซับซ้อน
– การรวมกัน/การหามาได้

บุคลากร
– ความสามารถของพนักงาน
– สุขภาพและความปลอดภัย
– การตัดสินคุณค่า
– การปฏิบัติที่ปลอดภัย
– การดำเนินการขาย

กระบวนการ
– ความสามารถ
– การออกแบบ
– การดำเนินการ
– ผู้ขาย/การพึ่งพา

เทคโนโลยี
– ข้อมูล
– ข้อมูลและการได้มาซึ่งระบบ
– ความสามารถ
– ระบบ

ปัจจัยภายนอก พิจารณาจาก
เศรษฐกิจ
– การหาทุน
– เครดิต
– การลื่นไหลของตลาด การหาทุน กระแสเงินสด
– ตลาด ราคาตลาด อัตราดอกเบี้ย การว่างงาน อัตราแลกเปลี่ยน

ธุรกิจ
– ยี่ห้อ/ชื่อสินค้า
– การแข่งขัน
– พฤติกรรมผู้บริโภค
– คู่แข่ง
– ความลำเอียง
– มาตรฐานอุตสาหกรรม
– โครงสร้างความเป็นเจ้าของ
– สาธารณะ
– ความเกี่ยวข้องของผลิตภัณฑ์

เทคนิค
– การค้าอิเล็กทรอนิคส์
– ข้อมูลภายนอก
– การกระจายเทคโนโลยี

สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
– พลังงาน
– ภัยธรรมชาติ
– การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
– การขนส่ง
– น้ำ
– ไฟ

การเมือง
– การเปลี่ยนรัฐบาล
– กฎหมาย
– นโยบายสาธารณะ
– กฎระเบียบ

สังคม
– ความเป็นประชากรขององค์กร
– ความเป็นส่วนตัว

ความเสี่ยงที่เด่นชัดและโอกาส
เหตุการณ์อาจทำให้เกิดผลทางด้านลบ ทางด้านบวก หรือทั้งสองด้าน เหตุการณ์ซึ่งส่งผลทางด้านลบเป็นเสมือนความเสี่ยง ซึ่งต้องการการประเมินค่าและตอบสนองจากผู้บริหาร ดังนั้น ความเสี่ยงคือความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นและส่งผลอย่างเป็นปฏิปักษ์ต่อความสำเร็จของวัตถุประสงค์

ส่วนเหตุการณ์ซึ่งส่งผลทางบวกเป็นเสมือนโอกาสหรือการโต้ตอบผลลบของความเสี่ยง เหตุการณ์ที่เป็นเสมือนโอกาสจะถูกส่งกลับไปสู่กลยุทธ์ของผู้บริหารหรือในขั้นตอนการตั้งวัตถุประสงค์ เพื่อให้การกระทำสามารถก่อตัวเพื่อครอบงำโอกาส เหตุการณ์ที่โต้ตอบผลลบของความเสี่ยงจะถูกพิจารณา ในการประเมินค่าความเสี่ยงและการตอบสนองของผู้บริหาร

องค์ประกอบสำคัญของการระบุเหตุการณ์

องค์ประกอบสำคัญของการระบุเหตุการณ์

ครั้งหน้าผมจะกล่าวถึงกระบวนการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน ตามหลัก COSO – ERM ในกระบวนการขั้นถัดไปคือ การประเมินความเสี่ยง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ผู้บริหารองค์กรทั้งหลายไม่ควรพลาดครับ