ASEAN ICT Master Plan 2015 and AEC Collaboration

มกราคม 31, 2012

เอเซียได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเป็นลำดับ ดังเห็นได้จากสัดส่วน GDP ของเอเซีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ต่อ GDP โลก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 9.7% ในปี 2541 มาอยู่ที่ 16.3% ในปี 2552 เช่นเดียวกับมูลค่าการค้าของเอเซียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในปี 2552 มูลค่าส่งออกและนำเข้าของเอเซีย คิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของมูลค่าส่งออกและนำเข้ารวมของทั้งโลก ส่งผลให้ความมั่งคั่งของประเทศในเอเซียเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แสดงให้เห็นได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศในเอเซียรวมกันเพิ่มขึ้นจาก 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2546 เป็นกว่า 4.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552

เมื่อประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประเทศเศรษฐกิจหลักต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และดูเหมือนว่าปัญหาต่าง ๆ จะยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเอเซียกำลังก้าวเข้ามาเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของโลกตัวใหม่ ถนนทุกสายที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เอเซียในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน รวมถึงเงินทุน กำลังผลักดันทิศทางเศรษฐกิจโลกให้เข้าสู่ยุคสมัยแห่งเอเซียอย่างแท้จริง ซึ่งไทยควรต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากยุคสมัยแห่งเอเซียให้เต็มประสิทธิภาพ เพราะลำพังตลาดในประเทศไทยอย่างเดียว ซึ่งมีประชากร 0.9% ของประชากรโลก ขณะที่ GDP คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.46% ของ GDP โลก ไม่เพียงพอที่จะผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น กลยุทธ์ในการก้าวไปสู่การรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ก่อนที่จะขยายไปสู่ ASEAN+3 และ ASEAN+6 จะยิ่งทำให้ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่ได้มากขึ้น

หากจะกล่าวถึงแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ในเรื่องของความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีนั้น อาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีทางการสื่อสาร เทคโนโลยีไอซีทีได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับผู้คนทั่วโลกในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการมีการใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ แลปท๊อป อินเตอร์เน็ต ฯลฯ เทคโนโลยีทั้งหลายเหล่านี้ล้วนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเหตุผลที่ว่ายุคนี้เป็นยุคของการสื่อสาร เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเสมือนเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็ว ช่วยร่นระยะเวลาการทำงาน การทำกิจกรรมต่าง ๆ ต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย การเข้าถึงเทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับยุคนี้ และอนาคตข้างหน้า

จากที่กล่าวมา อาเซียนจึงให้ความสำคัญเรื่องความแตกต่างของการพัฒนา และการใช้ไอซีที ทั้งในระดับประเทศ และระหว่างประเทศในภูมิภาค ซึ่งจะมุ่งเน้นเรื่องการลดความเลื่อมล้ำในบริบทของความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ไอซีทีในวงกว้าง ตามแนวทางของ ASEAN ICT Master Plan 2015 ที่กำหนดเป็นแผนงานตามยุทธศาตร์ที่ 6 ในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี (Bridging the Digital Divide) ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนในเชิงยุทธศาสตร์ตัวที่ 6 ที่ต้องยอมรับว่า ระดับการพัฒนาด้านไอซีทีของแต่ละประเทศในอาเซียนนั้นไม่ทัดเทียมกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเน้นการลดความเหลือมล้ำในเรื่องการพัฒนาไอซีทีในอาเซียนด้วยมาตรการต่าง ๆ ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้

มาตรการ 6.1 ทบทวนเรื่องพันธะการให้บริการอย่างทั่วถึง (USO) หรือนโยบายอื่นที่คล้ายกัน

มาตรการ 6.2 เชื่อมต่อโรงเรียนและชักนำให้เริ่มเรียนไอซีที เร็วขึ้น

มาตรการ 6.3 ปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน

มาตรการ 6.4 ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีภายในอาเซียน

ความสำเร็จในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการก้าวไปสู่การรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ก่อนที่จะขยายไปสู่ ASEAN+3 และ ASEAN+6 จะยิ่งทำให้ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่จะเป็นจริงได้เพียงใดนั้น โดยความเห็นส่วนตัวและการติดตามความก้าวหน้าในการบริหารที่ต้องใช้กระบวนการบริหารแบบบูรณการ ที่ควรมีการพิจารณาการหลอมรวมกระบวนการบริหารที่ผสมผสานที่มีการนำ วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และแผนงานต่าง ๆ ที่มีการกำหนด และเห็นชอบร่วมกันแล้วใน ASEAN ICT Master Plan 2015 มาใช้เป็นกลไกสนับสนุน หรือเป็นเครื่องมือขับเคลื่อน ASEAN Economic Community : AEC ให้เป็นรูปธรรมในทุกมุมมองที่เกี่ยวข้อง น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มประชาชาคมเศรษฐกิจเอเซียนโดยรวม อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น

เมื่อพิจารณาถึง e-Government ที่รัฐบาล โดยหน่วยงานต่าง ๆ กำลังขับเคลื่อนในปัจุบันนั้น ยิ่งมีความเหมาะสมและเป็นไปได้มากขึ้น ในการขับเคลื่อนภารกิจต่าง ๆ ไปด้วยกัน ทั้งน่าจะสอดคล้องกับ Timeframe ที่กำหนดไว้แล้วมากที่สุด+++

ประเด็นสำคัญก็คือ หน่วยงานใด หรือจะมีกระบวนการหลอมรวมการบริหารการจัดการทั้งสามเรื่องที่เข้ากันได้ และเป็นไปได้มากที่สุดและอย่างมีคุณภาพที่สุดนี้ (มุมมองIntegrated Management) นั้น จะมีใครหรือหน่วยงานใด ซึ่งต้องมีผู้นำช่วยกันคิดช่วยกันผลักดันความฝันที่เป็นจริงได้นี้ ให้เกิดขึ้นได้ทั้งในประเทศไทยและเอเซียนตามแนวทางที่ช่วยกันดำเนินการมานานปีแล้ว…

หากประเทศไทยมีโอกาสจัดงานระดับเอเซียนในปีนี้/2012 ไม่ว่าจะในระดับชาติหรือระดับกลุ่มงาน เช่น CIO #16 ก็น่าจะเป็นจังหวะที่ดี ที่จะเริ่มต้นจุดประกายความคิดนี้ให้เป็นจริงตามที่กล่าวข้างต้นและได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ได้ในที่สุดนะครับ

ผมชอบคำกล่าวตอนหนึ่งของท่าน มหาตมะคานธี รัฐบุรุษชาวอินเดียซึ่งกล่าวว่า….“Be the Change you want to see in the World” [1869-1948] และนาย เพิร์ล เอส บั๊ค [1892-1973] นักเขียนชาวอเมริกันเชื้อสายจีน เคยกล่าวว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้ จนกว่ามันจะมีการพิสูจน์ว่า เป็นไปไม่ได้ และแม้แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นั้นก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ ในชั่วขณะนี้เท่านั้น” [All things are possible until they are proved Impossible and even the impossible may only be so, or of now.]

ครับ สำหรับเรื่องนี้ผมคงต้องขอจบชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาติดตามและเขียนเพิ่มเติมใหม่ เมื่อมีสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมชวนให้เขียนต่อไปนะครับ 🙂


ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอน 7) – Human Capital Development

มกราคม 5, 2012

จากจุดมุ่งหมายหลักของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) คือการนำอาเซียนไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วมกัน (Single Market and Production Base) ซึ่งหมายถึงการทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีใน 5 สาขา ประกอบด้วยสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ และเงินทุน ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดเสรีดังกล่าว ย่อมมีผู้ที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มากน้อยแตกต่างกันตามศักยภาพของผู้ประกอบการในแต่ละประเทศ

การขับเคลื่อนอาเซียนไปสู่ตลาดและฐานการผลิตร่วมกัน (Single Market and Production Base) นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเชื่อมโยงแนวคิดดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมผ่านกระบวนการทาง ASEAN ICT Master Plan 2015 ซึ่งได้นำเสนอมาตามลำดับ

ครั้งนี้ผมจะนำเสนอเป็นตอนที่ 7 ครับ โดยจะกล่าวถึงยุทธศาสตร์ที่ 5 ในเรื่องของการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) ซึ่งการพัฒนาทุนมนุษย์นั้น เป็นฐานรากที่สอง ที่มุ่งเน้นจะช่วยให้ประชาชนของอาเซียน ได้พัฒนาทักษะเพื่อยกระดับไอซีที ช่วยให้แรงงานด้านไอซีทีมีความสามารถมากขึ้น และทำให้ประชาคมมีความรู้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องด้วย 2 สิ่ง คือการฝึกหัด และการรับรองมาตฐานทักษะด้านไอซีที

สำหรับมาตรการที่ช่วยในการพัฒนาทุนมนุษย์ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 แบ่งเป็น 2 มาตรการ คือ

มาตรการ 5.1 การสร้างสมรรถภาพ

มาตรการ 5.2 การเพิ่มพูนทักษะและการรับรองมาตรฐานวิชาชีพ

ASEAN ICT Master Plan น่าจะเป็นคำตอบรวมทั้งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สามารถสร้างพื้นฐาน และกระบวนการบริหารแบบสอดประสานและบูรณาการตามกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน ไปสู่วิสัยทัศน์ที่สนับสนุนการก้าวสู่ AEC ที่เป็นรูปธรรมได้แทบทุกมุมมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดเสรีทางด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากการเปิดเสรีดังกล่าว อาจทำให้แรงงานฝีมือในอาเซียนย้ายจากประเทศที่มีค่าตอบแทนต่ำ (ประเทศในแถบอินโดจีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รวมถึงไทย) ไปยังประเทศที่มีค่าแรงสูงกว่าและมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลาย อาทิ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งหลายฝ่ายเริ่มเป็นห่วงว่าการเปิดเสรีแรงงานฝีมือดังกล่าว จะทำให้แรงงานฝืมือของไทยในบางสาขาย้ายไปทำงานในมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยเฉพาะสาขาการแพทย์และวิศวกร มีผลให้อนาคตไทยอาจขาดแคลนแรงงานฝีมือที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป

นอกจากนั้น ในระยะยาว หากมีการขยายกรอบความร่วมมือเป็น ASEAN+3 หรือ ASEAN+6 ก็มีความเป็นไปได้ว่าแรงงานฝีมือในบางสาขา อาทิ การเงินธนาคาร รวมถึง IT จากประเทศเหล่านี้จะเข้ามาแย่งงานบุคลากรไทยมากขึ้นนั้น

วิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ มาตรการและแผนการดำเนินงาน ตาม ASEAN ICT Master 2015 เมื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงอาจจะลดปัญหาต่าง ๆ ตามประเด็นของการเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือ ซึ่งหลายท่านอาจจะเป็นห่วงอยู่ได้บ้างนะครับ


ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอน6) – Infrastructure Development

มกราคม 5, 2012

สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงนี้ก็ใกล้จะปีใหม่เข้าไปทุกขณะแล้้ว หลายท่านก็คงเตรียมจัดการกับการงานที่คั่งค้างให้เรียบร้อยก่อนที่จะหยุดพักผ่อนในช่วงสิ้นปี เพื่อที่ว่าในปีหน้า ปี 2555 จะไ้ด้เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่

สำหรับเรื่องราวที่จะเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ผมคงจะนำเสนอเป็นตอนสุดท้ายของปี 2554 นี้ แต่ก็คงไม่ใช่สุดท้ายในเรื่องของความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่ได้พูดคุยกันมาหลายตอนก่อนหน้านี้ โดยรายละเอียดที่จะกล่าวถึงในตอนนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่ 4 ของ ASEAN ICT Master Plan 2015 คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของฐานรากที่มีความจำเป็นต่อความสำเร็จของยุทธศาสตร์สามตัวแรกที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ASEAN ICT Masterplan 2015

ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในกรณีนี้จำเป็นต้องเน้นการจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานหลัก ที่เอื้อต่อการให้บริการด้านไอซีทีแก่ประชาคมทั้งหลายในอาเซียน อีกทั้งยังต้องร่วมกันกำหนดนโยบาย และตรากฎหมาย เพื่อดึงดูดธุรกิจและการลงทุนสู่ภูมิภาคนี้ด้วย ดังมาตรการและแผนงานต่อไปนี้

มาตรการ 4.1 พัฒนาระบบเชื่อมโยงของบรอดแบนด์

มาตรการ 4.2 ส่งเสริมให้เครือข่ายมีความมั่นคง และปลอดภัย มีการปกป้องข้อมูล
รวมทั้งมีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ CERT

จากมาตรการและแผนงานของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ในยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่ผมเคยได้กล่าวมาแล้ว ทั้งในเรื่องมาตรการที่ทำให้ทุกชุมชนสามารถเข้าถึงการบริการบรอดแบนด์ได้ด้วยราคาที่ไม่แพง การทำให้สินค้าไอซีทีมีราคาที่ไม่แพง การบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเนื้อหาและระบบงานประยุกต์มีราคาที่ไม่แพง และมีประสิทธิภาพ การสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของธุรกรรมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งมาตรการการสร้างนวัตกรรมที่มุ่งให้ทุกประเทศในอาเซียนพัฒนาสิ่งสร้างสรรค์นวัตกรรม และ ICT ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green ICT) กำลังเป็นที่สนใจและจับตามองของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยในบางมุมมอง ที่จะสามารถผลักดันและเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัิติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป


ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอน5) – Green ICT

มกราคม 5, 2012

สวัสดีครับทุกท่าน ก็ห่างกันไปนานพอสมควรนะครับจากเนื้อหาในครั้งก่อน เนื่องจากเว็บ itgthailand.com มีปัญหาทางด้าน server ทำให้ไม่สามารถ update สาระ ความรู้ และเรื่องราวต่าง ๆ ได้ แต่ตอนนี้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วครับ วันนี้ก็คงกลับมาต่อกันในเรื่องของแผนแม่บทไอซี อาเซียน 2015 จากครั้งที่แล้วผมได้เล่าถึงยุทธศาสตร์ ข้อที่ 2 ของ ICT Master Plan 2015 ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเสริมสร้างพลัง ซึ่งมีมาตรการและกำหนดเป็นแผนงานที่ต้องปฏิบัติ 4 มาตรการ คือ 1) การทำให้ทุกชุมชนสามารถเข้าถึงการบริการบรอดแบนด์ได้ด้วยราคาที่ไม่แพง 2) ทำให้สินค้าไอซีทีมีราคาที่ไม่แพง 3) ให้แน่ใจว่าการบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเนื้อหาและระบบงานประยุกต์มีราคาที่ไม่แพง และมีประสิทธิภาพ และ 4) การสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของธุรกรรมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยเราได้มีการนำเสนอแผนนโยบายให้บริการบรอดแบนด์ เพื่อให้กำหนดเป็นนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ที่สัมพันธ์กับ ICT Master Plan 2015 ตามที่ได้กล่าวถึงในตอนที่แล้ว

สำหรับในครั้งนี้ผมจะขอเล่าถึงยุทธศาสตร์ในการสร้างนวัตกรรม โดยที่อาเซียนจะสนับสนุนอุตสาหกรรมไอซีทีที่สร้างสรรค์ มีนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ข้อที่ 3 ด้านนวัตกรรม การสร้างนวัตกรรมจะมุ่งให้ทุกประเทศในอาเซียนพัฒนาสิ่งสร้างสรรค์นวัตกรรม และ ICT ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green ICT) และเชิญชวนให้รัฐบาลของสมาชิกในอาเซียนกำหนดนโยบาย และจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์และสร้างนวัตกรรมในทุกภาคส่วน (เช่น แบ่งปันความชำนาญ และสมรรถนะที่หลากหลายและแตกต่างกันภายในกลุ่มประเทศสมาชิก และให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์กันและกัน จากความรู้และความสามารถที่มีอยู่กระจัดกระจาย)

การสร้างนวัตกรรมที่กล่าวถึงนี้แบ่งได้เป็น 3 มาตรการ แต่ละมาตรการได้กำหนดเป็นแผนงานในการนำไปปฏิบัติดังนี้

มาตรการ 3.1 สร้างศูนย์แห่งความเป็นเลิศเพื่อนวัตกรรม สำหรับการวิจัยและพัฒนาบริการไอซีที

มาตรการ 3.2 ส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ ประชาชน และสถาบันอื่น ๆ

มาตรการ 3.3 พลักดันให้เกิดนวัตกรรมและงานสร้างสรรค์ในระดับโรงเรียน

ยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ยังมีแผนงานและรายละเอียดที่น่าสนใจและติดตามอยู่อีกหลายเรื่อง ซึ่งผมจะทยอยนำมาเล่าสู่กันฟัง ส่วนในครั้งหน้าผมคงจะพูดถึงยุทธศาสตร์ข้อที่ 4 ที่เป็นเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักที่เอื้อต่อการให้บริการด้านไอซีที โปรดติดตามกันต่อไปนะครับ


ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอน4)

มกราคม 5, 2012

จากหลักการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ทั้ง 6 ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ซึ่งจะมีแนวทางปฏิบัติที่ค่อนข้างชัดเจน เป็นรูปธรรม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดการบริหารแบบบูรณาการ ดังที่ได้กล่าวในตอนที่แล้ว ถึงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทางการปฏิรูปทางเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์ ข้อ 1. มี 2 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดึงดูดใจ ที่เอื้อให้ธุรกิจเติบโตได้ จากอิทธิพลของไอซีที และมาตรการที่ 2 พัฒนาความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership, PPP) สำหรับอุตสาหกรรมไอซีที ที่ได้จัดทำเป็นแผนงานให้สามารถนำไปปฏิบัติตามหลักยุทธศาสตร์นั้น ๆ ได้

วันนี้ผมจะขอกล่าวต่อถึงแผนงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ข้อที่ 2 คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเสริมสร้างพลัง ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 นี้ การเสริมสร้างพลังให้ประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วม ต้องเน้นการมีไอซีทีที่มีราคาไม่แพง ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้ประชาชนในอาเซียนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ที่ซึ่งการบริการบรอดแบนด์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือย ในยุทธศาสตร์ที่ 2 นี้ได้แบ่งเป็น 4 มาตรการ คือ

มาตรการ 2.1 ทำให้ทุกชุมชนสามารถเข้าถึงการบริการบรอดแบนด์ได้ด้วยราคาที่ไม่แพง

มาตรการ 2.2 ทำให้สินค้าไอซีทีมีราคาที่ไม่แพง

มาตรการ 2.3 ให้แน่ใจว่าการบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเนื้อหาและระบบงานประยุกต์มีราคาที่ไม่แพง และมีประสิทธิภาพ

มาตรการ 2.4 สร้างความเชื่อมั่น

อนึ่ง ในยุทธศาสตร์ ข้อที่ 2 นี้ เมื่อกล่าวถึงมาตรการเกี่ยวกับการบริการบรอดแบนด์ ดร.รอม หิรัญพฤกษ์ ได้นำเสนอร่างนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ หรือการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เสนอต่อสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (เอ็นไอทีซี) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2554 เพื่อขอให้พิจารณาเป็นนโยบายแห่งชาติ

อีกทั้ง ดร.รอม ยังได้เปิดเผยในงานเวิร์กช็อปสำหรับสื่อมวลชน เรื่อง “โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ ประโยชน์เพื่อใคร ทำไมต้องมี” ว่า นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ เป็นการให้บริการไอซีทีกับประชาชนอย่างทั่วถึงในราคาที่เหมาะสม โดยแผนบรอดแบนด์แห่งชาติที่ประเทศเยอรมนี ระบุชัดเจนว่า ปี ค.ศ. 2014 จะต้องให้บริการบรอดแบนด์ที่ความเร็ว 50 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งแผนบรอดแบนด์แห่งชาติของไทย อาจไม่ระบุชัดเจนว่าต้องให้บริการบรอดแบนด์ ความเร็วเท่าไหร่ แต่จะระบุว่า บริการที่ได้รับมีอะไรบ้าง

ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า การระบุหรือให้บริการบรอดแบนด์ที่กำหนดความเร็วในระดับความเร็วที่ไม่ต่ำกว่าการสนองตอบความต้องการของผู้มีผลประโยชน์ร่วมนั้น เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งจะนำมาสู่แผนงานและการปฏิบัติงานที่เหมาะสมตามเป้าประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่า นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ นี้นั้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ข้อที่ 2 ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ดังกล่าวข้างต้น

สำหรับในครั้งต่อไป ผมจะเล่าเรื่องการสร้างนวัตกรรม ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ ข้อที่ 3 ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมไอซีทีที่สร้างสรรค์ มีนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

มาถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราวการดำเนินงานตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ตั้งแต่ต้น สามารถกลับไปทบทวนเรื่องราวที่ผมได้นำเสนอมาในแต่ละตอนได้ตามลิงก์ด้านล่างนะครับ

ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอนที่ 3)

ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอนที่ 2)

ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอนที่ 1)


วิกฤตหรือโอกาสของน้ำท่วมประเทศไทย 2554

มกราคม 5, 2012

ปัจจุบันวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ประเทศไทยเกิดภาวะวิกฤตจากน้ำท่วม เป็นข่าวมานานกว่า 2 เดือนแล้ว และได้สร้างความเสียหายมหาศาล ทั้งทางด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บ้านเรือน สิ่งอำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมทั้ง ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส เป็นล้านคน ตามขอบเขตของน้ำท่วมประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศนั้น

11images

ท่ามกลางวิกฤตของปัญหาน้ำท่วมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อปริมาณน้ำ ขอบเขตของน้ำท่วม และระยะเวลาของน้ำท่วม เป็นความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งไม่อาจจะพิจารณาเปรียบเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2538 และ ปี 2485 ซึ่งใน 2 ปีที่กล่าวนั้น ความเสียหายไม่อาจจะเทียบเคียงกันได้กับในปี 2554 นี้ในทุกมุมมอง

สิ่งหนึ่งที่คนไทยทั่วประเทศและทั่วโลกที่สนใจประเทศไทย ก็จะเห็นภาพของความร่วมมือสมัครสมานสามัคคีกันอย่างน่าชื่นชมเป็นที่กล่าวขวัญกันโดยทั่วไป แม้กระทั่งในต่างประเทศก็มีคำชื่นชนในลักษณะเช่นนี้ในหลายประเทศ

การบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ในลักษณะ Integrated Management ได้มีการกล่าวถึงกันในหลายระดับ รวมทั้งในระดับบริหารสูงสุดของประเทศ คือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในปัจจุบัน (คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ก็ได้มีการกล่าวถ้อยคำนี้ออกมาหลายครั้ง

images15

คำว่าการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ หรือการบริหารแบบบูรณาการโดยทั่วไป ซึ่งเป็นคำฮิตติดปาก ก่อนที่จะมีปัญหาน้ำท่วมมานานพอสมควร ที่ทางกระทรวงการคลังโดย สคร. ที่มีหน้าำที่กำกับหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงาน และใช้เป็นเกณฑ์การประเมินผล เพื่อวัดระดับความสามารถในกระบวนการบริหารจัดการ ก็มีถ้อยคำนี้ และเรื่องในลักษณะนี้ ในกรอบการประเมินการบริหารความเสี่ยงของรัฐวิสาหกิจทั้ง 57 แห่ง

จะเห็นได้ว่าการบริหารแบบบูรณาการจะเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในระดับการบริหารทุกระดับของทุกเรื่อง ทุกองค์กร รวมทั้งระดับประเทศ และระดับสากล ถึงแม้ความเข้าใจความหมายของคำนี้ และการปฏิบัติในเรื่องนี้ ยังมีความเข้าใจที่แตกต่างกันมากในทางปฏิบัติก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ก็มีความเห็นตรงกันว่า การบริหารและการจัดการแบบบูรณาการ หรือ Integrated Management นั้น เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการบริหารเชิงรุก ที่พิจารณาจากแนวคิดทุกแง่มุมของกระบวนการป้องกันปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ตามวิสัยทัศน์ และพันธกิจ นโยบาย กลยุทธ์ รวมทั้งแผนการปฏิบัติงาน +++

images9

อย่างไรก็ดี หากความเข้าใจในเรื่องการบริหารแบบบูรณาการ ยังมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน การปฏิบัติจะมีความแตกต่างกันได้มาก เช่น เข้าใจดีก็จริง แต่บางหน่วยงานหรือบางบุคคลไม่นำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติ เพราะความมีประสิทธิผลและความมีประสิทธิภาพของหลักการ Integrated Management นี้ จะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ขององค์กรและส่วนบุคคล ในแง่มุมมองที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดที่ว่า ระบบนี้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง และจะมีผลกระทบไปถึงงบประมาณ กระบวนการบริหารงาน โดยเฉพาะการจัดซื้อ จัดหา จัดจ้าง และการร่วมพลังกันในการผลักดันเรื่องเดียวกันของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขณะนี้ ในภาครัฐนั้น ยังมีความซ้ำซ้อนกันอยู่มาก และมีจุดอ่อนในการประสานงานข้ามสายงาน และข้ามหน่วยงาน

ขอยกตัวอย่างเพียง เรื่องการบริหารและการจัดการน้ำ ในประเทศไทยเองก็มีหน่วยงานจัดการน้ำอยู่หลายแห่ง ซึ่งหากพิจารณาอย่างผิวเผิน ก็อาจมองในมุมมองที่ว่า มีการแบ่งแยกงานกันทำแล้วอย่างเหมาะสม แต่แท้จริงแล้ว ยังมีความซ้ำซ้อนในเรื่องการจัดทำงบประมาณ และการบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสานงานเป็นอย่างมาก

เป็นไปได้ไหมครับว่า น้ำที่ท่วมในกรุงเทพฯ ในปัจจุบันและทำลายผนังกั้นน้ำเกือบทุกแห่ง เพราะน้ำมีปริมาณมาก และแรงดันมหาศาล เกินกว่าผนังน้ำที่กั้นแบบชั่วคราวจะต้านทานได้ มีผลทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง และกินระยะเวลานาน จนเกิดการวิจารณ์ถึงประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการจัดการน้ำ…

thailand-flood

ตั้งแต่แนวความคิดที่ว่า เขื่อนหลายแห่งทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ควรจะปล่อยน้ำมาก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือรอเก็บน้ำไว้ในกรณีฝนตกน้ำในช่วยฤดูฝน เพื่อให้เพียงพอต่อการแจกจ่ายน้ำในฤดูแล้ง แต่ในกรณีนี้น้ำในเขื่อนมีปริมาณ ประกอบกับมีฝนตกค่อนข้างมาก ปริมาณน้ำค่อนข้างเยอะ ซึ่งอาจจะเกิดการคาดคะเนบนพื้นฐานที่ไม่อาจคาดการณ์และไม่อาจควบคุมได้… เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินก็ต้องมีการบริหารน้ำในภาวะวิกฤตต่อไป…

ผลตามมาอย่างที่เห็น เพราะกล่าวภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ การป้องกันน้ำในสถานที่สำคัญ ๆ เกือบทุกแห่งไม่อาจต้านทานน้ำ และก่อให้เกิดภาวะล้มเหลวในเชิงแก้ไขอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมหลายแห่ง และทุ่งเกษตรกรรมจำนวนมากมาย สถานที่สำคัญ วัดวาอาราม และบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย ตามที่เป็นข่าวปรากฎทั่วไปนั้น

ผลเสียที่ตามมามีอยู่มากมายมหาศาล ตั้งแต่ความไม่ไว้วางใจของนักลงทุนต่างชาติ ในเรื่องการจัดการเรื่องน้ำ และอาจจะคิดนอกกรอบไปถึงเรื่องการจัดการในเรื่องอื่น ๆ ตามมาด้วยนั้น จะเป็นเรื่องของการบริหารวิกฤตของประเทศไทย และเป็นโอกาสที่ดีของประเทศอื่น ๆ ได้

images5

หากพิจารณามุมมองในแง่ที่เป็นบวกก็คือ ประเทศไทยน่าจะมีโอกาสในเรื่องการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ และเป็นกระบวนการที่สอดคล้องกับการจัดการในลักษณะที่กล่าวกันว่า การจัดการน้ำแบบบูรณาการ ที่ต้องร่วมมือกันคิดร่วมมือกันปฏิบัติ ในหน่วยงานต่าง ๆ อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพราะบทเรียนที่เกิดจากน้ำท่วมใหญ่ และเนิ่นนานในปี 2554 นี้ เป็นความเสียหายในระดับที่ประเทศไทยไม่น่าจะยอมรับได้โดยรวม (Risk Appetite / Tolerance) ไม่ว่าจะพิจารณาเป็นจำนวนเงิน ความไว้วางใจของผู้มีผลประโยชน์ร่วม +++ ซึ่งเรื่องนี้ คงจะต้องเป็นวาระสำคัญของชาติที่นำความคิดในเรื่องการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการมาสู่ความเ็ป็นจริงในทางปฏิบัติต่อไป

เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 นี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการของประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารและการจัดการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องในแง่มุมต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการป้องกันในการประมวลงานต้องอาศัยการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์นั้นมีปัญหา แม้ในขณะน้ำท่วมก็ตาม +++


ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอน3)

มกราคม 5, 2012

ในตอนที่ 2 ผมได้กล่าวถึง 3 เสาหลักที่รองรับและสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ทั้งในระดับอาเซียน ระดับประเทศ รวมถึงระดับธุรกิจ ซึ่งได้แก่

ASEAN ICT Masterplan 2015

1. การปฎิรูปทางเศรษฐกิจ / Economic Transformation
2. การเสริมสร้างพลังให้แก่ประชาชนและให้ประชาชนมีส่วนร่วม / People Empowerment & Enggagement
3. การสร้างนวัตกรรม / Innovation

โดยได้กำหนดเป็น 6 ยุทธศาสตร์ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไปสู่ภาคปฏิบัติภายใต้ฐานที่เป็นเสาหลัก 3 ข้อดังกล่าวข้างต้นคือ

1. การปฎิรูปทางเศรษฐกิจ
อาเซียนจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดใจ เพื่อการส่งเสริมทางธุรกิจการลงทุน และสร้างธุรกิจใหม่ในภาคไอซีที ไอซีทีเองจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลให้เกิดการปฎิรูปในภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ด้วย

2. การเสริมสร้างพลังให้แก่ประชาชนและให้ประชาชนมีส่วนร่วม
อาเซียนจะอาศัยไอซีทีที่ราคาไม่แพงและยุติธรรมเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีโดยทั่วหน้า

3. การสร้างนวัตกรรม
อาเซียนจะสนับสนุนอุตสาหกรรมไอซีทีที่สร้างสรรค์ มีนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
อาเซียนจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีเพื่อสนับสนุนการให้บริการแก่ประชาคมอาเซียน

5. การพัฒนาทุนมนุษย์
อาเซียนจะพัฒนาทุนมนุษย์ที่มีสมรรถนะและทักษะด้านไอซีที เพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคไอซีที และส่งผลต่อการปฎิรูปเศรษฐกิจในภาคอื่น ๆ ด้วย

6. การลดความเหลื่อมลํ้าในการเข้าถึงเทคโนโลยี
อาเซียนจะให้ความสำคัญเรื่องความแตกต่างของการพัฒนา และการใช้ไอซีที ทั้งในระดับประเทศ และระหว่างประเทศในภูมิภาค อาเซียนจะเน้นเรื่องการลดความเลื่อมล้ำในบริบทของความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ไอซีทีในวงกว้าง

หลักการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ทั้ง 6 ตามแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ดังกล่าวจะมีแนวทางปฏิบัติที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นรูปธรรม ที่แต่ละประเทศสามารถนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดการสอดประสานและเกิดการบริหารแบบบูรณาการ (Integrated Management) เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้เป็นไปตาม Vision และ Mission ของอาเซียนต่อไป เช่น

การปฏิรูปทางเศรษฐกิจตามข้อ 1. จะมีมาตรการในการดำเนินการดังนี้

มาตรการที่ 1.1. สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดึงดูดใจ ที่เอื้อให้ธุรกิจเติบโตได้ จากอิทธิพลของไอซีที

การปฏิรูปเศรษฐกิจ_มาตรการที่ 1.1

มาตรการ 1.2 พัฒนาความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership, PPP) สำหรับอุตสาหกรรมไอซีที
การปฏิรูปเศรษฐกิจ_มาตรการที่ 1.2

นอกจากนี้ยังมีอีก 5 ยุทธศาสตร์และมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์และมาตรการนั้น ๆ ที่ผมเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า แผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ได้จัดทำไว้ชัดเจนที่สามารถนำไปปฏิบัติได้เป็นรูปธรรมในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับอาเซียน ระดับประเทศ และระดับธุรกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ต้องมีการประชุมหารือกันในการขับเคลื่อนแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีรายละเอียดต่อ ๆ ไปครับ


ความชัดเจนของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ที่น่าจะสัมพันธ์กับการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีของไทยบางมุมมอง ในอนาคต (ตอน2)

มกราคม 5, 2012

ครั้งที่แล้ว ผมได้เล่าเรื่องที่ ดร. มนู อรดีดลเชษฐ์ ได้แปลแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ไว้ย่อ ๆ และจบลงด้วยวิสัยทัศน์ของไอซีทีที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อให้เกิดการรวมตัวทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจในอาเซียนนั้น

Vision ASEAN ICT Masterplan

ทั้งนี้ แผนภาพข้างต้นที่แสดงถึงวิสัยทัศน์นั้น อาจเป็นกรอบกว้าง ๆ ซึ่งในแต่ละประเทศสามารถประยุกต์ใช้ได้ในประเทศของตน ให้สัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 และแน่นอนว่าควรจะสัมพันธ์กับแผนไอซีทีของธุรกิจในประเทศนั้น ๆ ด้วยนะครับ

วิสัยทัศน์ของแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ดังกล่าวมุ่งบรรลุผลดังต่อไปนี้

1. การเสริมสร้างพลัง

จัดให้ผู้มีส่วนได้เสีย มีทักษะ มีเทคโนโลยี สามารถเชื่อมต่อ และมีข้อมูลข่าวสาร ที่จะช่วยให้ใช้ไอซีทีได้อย่างเต็มที่

2. ทำให้เกิดการปฎิรูป

อาศัยไอซีทีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพวกเรา ทั้งในด้านความเป็นอยู่ การเรียนรู้ การทำงาน จนถึงด้านนันทนาการ

3. ทำได้อย่างทั่วถึง
เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีส่วนได้เสียทั้งหมดในอาเซียน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาคม และภาคธุรกิจ ทั้งที่พัฒนาแล้ว และที่กำลังพัฒนา ทั้งที่อยู่ในเมือง และในชนบท ทั้งเยาวชน และผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ที่มีโอกาสและที่ด้อยโอกาส

4. สร้างความคึกคัก
สร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม เอื้อต่อการสร้างธุรกิจใหม่ และกระตุ่นให้ไอซีทีเบ่งบานและประสบความสำเร็จ

5. เกิดการรวมตัวกัน

ทำให้เกิดการเชื่อมต่อกันในอาเซียน ระหว่างประชาชน รัฐบาล และธุรกิจ

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
วิสัยทัศน์นี้คาดว่าจะทำให้เกิดผลลัพธ์ 4 ประการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิธีที่อาเซียนจะใช้พัฒนาและปฎิรูปเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

1. ไอซีทีเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตสำหรับอาเซียน
ไอซีทีจะเป็นหนึ่งในกลุ่มเศรษฐกิจหลักของอาเซียน อีกทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทำให้เกิดศักยภาพการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย

2. ยอมรับว่าอาเซียนเป็นศูนย์กลางไอซีทีระดับโลก

อาเซียนจะสร้างความโดดเด่นให้ตัวเอง ด้วยการเป็นภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีที่มีคุณภาพสูง มีกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง และมีความสามารถทางนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

3. เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในอาเซียน

การใช้ไอซีทีอย่างแพร่หลายจะช่วยให้ประชาชนของอาเซียนมีส่วนร่วม เข้าไปเกี่ยวข้อง และมีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ทั้งหมดนี้ จะส่งผลต่อความเป็นอยู่ การประกอบการงาน และด้านนันทนาการ

4. มีผลต่อการรวมตัวในอาเซียน

ไอซีทีจะช่วยให้เกิดความร่วมมือกันมากมาย ระหว่างกลุ่มธุรกิจ และประชาชน จนนำไปสู่การรวมตัวของอาเซียน

The Process of investing ICT to create opportunities

ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า ผลที่คาดว่าจะได้รับจากแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ตามที่กล่าวนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ประเทศในอาเซียนจะต้องช่วยกันจัดให้มีแผนงานที่ชัดเจน ทั้งในระดับอาเซียน และระดับประเทศ และระดับธุรกิจ ที่ควรจะสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง โดยมี 3 เสาหลักรองรับ ได้แก่

1. Economic Transformation
2. People Empowerment & Enggagement
3. Innovation

ซึ่งเรื่องนี้ในแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน 2015 ได้กำหนด 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งผมจะนำมาเล่าต่อ โดยนำเรื่องที่ ดร. มนู อรดีดลเชษฐ์ ได้แปลไว้มาขยายความบางช่วงในตอนต่อ ๆ ไปนะครับ