Digital Transformation กับ GRC – เมื่อการเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ภายใต้การควบคุม

จากตอนที่แล้ว ผมได้พูดถึงความเหมือนและความต่างระหว่าง “AI” และ “Digital Transformation” ซึ่งแม้จะเป็นคำที่มักถูกใช้ควบคู่กัน แต่จริง ๆ แล้วมีขอบเขตที่ต่างกันอย่างชัดเจน AI เป็นเทคโนโลยีเฉพาะทางที่มุ่งเน้นความฉลาดของระบบ ส่วน Digital Transformation (DX) คือกรอบการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ขององค์กร ที่ครอบคลุมกระบวนการ โครงสร้าง และวัฒนธรรมทั้งหมด

เรายังได้พูดถึง AI Governance ซึ่งเป็นกลไกกำกับดูแลความฉลาดของระบบไม่ให้หลุดกรอบ และนั่นก็พาเราเข้าสู่คำถามสำคัญว่า… แล้วการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลทั้งหมดล่ะ? จะอยู่ภายใต้การควบคุมแบบไหน? ใครกำหนดทิศทาง? ใครรับผิดชอบเมื่อเกิดความเสี่ยง?

และนี่เองคือเรื่องที่ผมจะพูดถึงในตอนนี้…

การเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจละเลย และความจำเป็นของการควบคุมที่ชัดเจน

ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี คำว่า “Digital Transformation” กลายเป็นคีย์เวิร์ดหลักของแทบทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน ต่างก็หาทางพลิกโฉมการทำงานแบบเดิม ๆ ให้เข้าสู่กระบวนการดิจิทัล ทั้งในด้านกระบวนการทำงาน การให้บริการ และการบริหารจัดการข้อมูล

แต่ในความเร็วของการเปลี่ยนแปลง ก็มีความเสี่ยงซ่อนอยู่ไม่น้อย การรีบเร่งเปลี่ยนผ่านโดยไม่มีแนวทางควบคุมอาจทำให้เกิดความสับสน เสียหาย หรือแม้กระทั่งละเมิดกฎหมายและสิทธิของผู้ใช้งานโดยไม่รู้ตัว

นั่นคือเหตุผลที่ “GRC” หรือ Governance, Risk, and Compliance เข้ามามีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้ Digital Transformation เกิดขึ้นอย่างปลอดภัย โปร่งใส และยั่งยืน

GRC คืออะไร?

GRC ย่อมาจาก Governance, Risk Management, และ Compliance ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วคือกรอบแนวทางที่ช่วยให้องค์กร:

  • Governance (ธรรมาภิบาล): มีการบริหารจัดการที่ดี โปร่งใส รับผิดชอบ และสามารถตรวจสอบได้
  • Risk Management (การบริหารความเสี่ยง): ระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการและเทคโนโลยี
  • Compliance (การปฏิบัติตามข้อกำหนด): ดำเนินงานตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ และมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

การบูรณาการ GRC เข้ากับการดำเนินงานขององค์กร ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแล

GRC กับ Digital Transformation: ความสัมพันธ์ที่ต้องเดินไปด้วยกัน

Digital Transformation ไม่ใช่แค่เรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมองค์กร การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด โครงสร้างองค์กร และการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การตัดสินใจด้วยข้อมูล, การเปิดรับนวัตกรรม, การทำงานแบบ agile GRC จึงกลายเป็นเสาหลักที่คอยกำกับดูแลไม่ให้การเปลี่ยนแปลงนั้นหลุดจากแนวทางที่เหมาะสม ซึ่ง GRC ก็ต้องปรับแนวคิดให้ยืดหยุ่นและทันสมัยด้วย


ยกตัวอย่าง Digital Transformation ที่ล้มเหลวเพราะละเลย GRC เช่น เปลี่ยนระบบเร็วเกินไปจนพนักงานใช้งานไม่ทัน (People Risk) หรือใช้ Cloud โดยไม่มีการประเมินความมั่นคง (Data Risk)

Digital Transformation ไม่ใช่แค่เรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมองค์กร การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด โครงสร้างองค์กร และการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การตัดสินใจด้วยข้อมูล, การเปิดรับนวัตกรรม, การทำงานแบบ agile GRC จึงกลายเป็นเสาหลักที่คอยกำกับดูแลไม่ให้การเปลี่ยนแปลงนั้นหลุดจากแนวทางที่เหมาะสม ซึ่ง GRC ก็ต้องปรับแนวคิดให้ยืดหยุ่นและทันสมัยด้วย


การเปลี่ยนระบบเร็วเกินไปจนพนักงานใช้งานไม่ทัน (People Risk) หรือใช้ Cloud โดยไม่มีการประเมินความมั่นคง (Data Risk) ล้วนเป็นตัวอย่างของ Digital Transformation ที่ล้มเหลวเพราะละเลย GRC

1. Governance: วางโครงสร้างการบริหารที่โปร่งใส

การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลควรมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน และต้องมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็น:

  • การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้านเทคโนโลยี (Technology Governance Board)
  • การกำหนดบทบาทของผู้บริหารระดับสูง เช่น CDO (Chief Digital Officer) หรือ CIO (Chief Information Officer)
  • การวางนโยบายด้าน Data Governance และ AI Governance ให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์

2. Risk: รู้จักและเตรียมรับมือกับความเสี่ยง

เทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพร้อมกับความเสี่ยงใหม่ ๆ เช่น:

  • ความเสี่ยงด้านข้อมูล (Data Risk): ข้อมูลรั่วไหล หรือข้อมูลผิดพลาด
  • ความเสี่ยงด้านบุคลากร (People Risk): พนักงานไม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
  • ความเสี่ยงจาก Third-party หรือ Vendor

การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) และการกำหนดมาตรการควบคุม เช่น Business Continuity Plan (BCP) จึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้

3. Compliance: ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน

เมื่อองค์กรใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น ความซับซ้อนของกฎหมายและมาตรฐานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น:

  • กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA, GDPR)
  • มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (ISO/IEC 27001)
  • มาตรฐานอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น PCI-DSS สำหรับธุรกิจการเงิน

GRC จะช่วยให้องค์กรสามารถติดตามและตอบสนองต่อข้อกำหนดเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ

ตัวอย่างการบูรณาการ GRC กับ Digital Transformation

ลองนึกภาพองค์กรที่ต้องการใช้ AI ในการสรรหาบุคลากร:

  • Governance: มีคณะทำงานกำกับดูแลการใช้ AI ให้เป็นธรรมและโปร่งใส
  • Risk: ประเมินความเสี่ยงว่า AI อาจมี Bias หรือเลือกปฏิบัติ
  • Compliance: ตรวจสอบว่าเป็นไปตามกฎหมายแรงงานและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หรือในกรณีการย้ายระบบไปใช้ Cloud:

  • Governance: ตรวจสอบผู้ให้บริการ Cloud ที่มีมาตรฐานความมั่นคง
  • Risk: กำหนดนโยบายจัดการความเสี่ยงเรื่องข้อมูลสูญหายหรือ downtime
  • Compliance: ตรวจสอบว่า Cloud Provider ปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

GRC ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายกำกับดูแลเท่านั้น

หลายองค์กรยังเข้าใจว่า GRC เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่ายตรวจสอบภายในเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว GRC คือ “เรื่องของทั้งองค์กร” ที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วม โดยเฉพาะในการเปลี่ยนผ่านยุคดิจิทัล ที่ทุกฝ่ายต่างได้รับผลกระทบ

เมื่อ GRC ฝังอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร จะช่วยให้พนักงานทุกคนเข้าใจว่าการทำงานอย่างมีธรรมาภิบาล ไม่ใช่แค่เรื่องกฎระเบียบ แต่คือวิธีทำงานอย่างมืออาชีพและยั่งยืน

สรุป Digital Transformation คือเส้นทางที่ทุกองค์กรต้องเดิน แต่จะเดินอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ตกหลุมพรางของความเสี่ยงหรือข้อผิดพลาดทางกฎหมาย จึงต้องมี GRC เป็นเข็มทิศและระบบควบคุม

ในตอนต่อไป เราจะคุยกันในเรื่องของ AI กับการตรวจสอบกันครับ

ใส่ความเห็น