แนวทาง/กรอบ/คู่มือการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

มีนาคม 26, 2009

เมื่อได้ทราบถึงภาพรวมของการบริหารความเสี่ยง กรอบของการบริหารความเสี่ยง ความหมายของความเสี่ยง ประเภทและแหล่งที่มาหรือเหตุแห่งความเสี่ยง เป็นซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่ผมได้กล่าวถึงไปบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาพูดกันถึงแนวทางและเครื่องมือที่ใช้ในการระบุความเสี่ยงกันครับ

ก่อนอื่นผมมีภาพที่อยากให้เห็นถึงการระบุปัจจัยเสี่ยงกับแนวคิดด้านความเสี่ยงบางประการ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โปรดดูตามภาพด้านล่างนี้เลยครับ

การระบุปัจจัยเสี่ยงและแนวคิดบางประการ

การระบุปัจจัยเสี่ยงและแนวคิดบางประการ

แนวทางที่สามารถใช้ในการระบุความเสี่ยงขององค์กร

1. การใช้ประสบการณ์ของผู้ประเมินในการระบุเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น หรือพิจารณาแล้วว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ หรือใช้การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา/ข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงานที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและได้มีการบันทึกไว้ หรือเป็นข้อมูลที่บันทึกอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ สามารถนำมาใช้เป็นแนวทาง และเป็นข้อมูลเบื้องต้นได้

2. การใช้คู่มือปฏิบัติงาน หรือ Work flow charts เพื่อลำดับขั้นตอนของกระบวนการทำงาน และพิจารณาว่าในแต่ละขั้นตอนอาจจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะทำให้กิจกรรมนั้น ๆ หยุดชะงัก หรือผิดพลาดจนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้

3. การระดมความคิดจากพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน เพื่อร่วมกันพิจารณาว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่เกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบเสียหายต่องานที่ดูแล

4. การใช้แบบสอบถามความคิดเห็นไปยังผู้รับผิดชอบกิจกรรมการทำงานต่าง ๆ ว่ามีปัญหาข้อผิดพลาด หรือความเสี่ยงในลักษณะใด ก่อให้เกิดความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการสอบถามควรกระทำกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งเป็นผู้ทราบข้อมูลต่าง ๆ อย่างแท้จริง นอกจากนี้คำตอบที่ได้รับอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะการตอบคำถามอาจจะรวมข้อคิดเห็น ความรู้สึก และทัศนคติส่วนตัว ดังนั้นผู้ประเมินควรใช้วิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย

5. การใช้แบบตรวจสอบรายการ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตามและตรวจสอบรายละเอียดของงานต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความเสี่ยงในแต่ละกิจกรรม

การเลือกใช้แหล่งข้อมูล/วิธีการใด ๆ ในการระบุความเสี่ยงนั้น อาจแตกต่างกันในแต่ละฝ่ายงานและแต่ละเหตุความเสี่ยง โดยขึ้นอยู่กับลักษณะงานและวิธีปฏิบัติของแต่ละฝ่ายงาน

เครื่องมือสำหรับการระบุความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ ประกอบด้วย
1. แบบประเมินตนเอง
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินการควบคุมตนเอง (Control Self Assessment) และรับผิดชอบให้มีการประเมินตนเอง โดยกำหนดให้ทุกฝ่ายงานมีหน้าที่ต้องประเมินตนเองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ผู้ประเมินต้องระบุประเภทความเสี่ยงที่เผชิญอยู่ในแต่ละกิจกรรม หรือแต่ละกระบวนการปฏิบัติงานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตน รวมทั้งประเด็นของความพร้อมของบุคคลากร ทรัพยากร และระบบงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางที่จะบริหารความเสี่ยงที่เผชิญอยู่นั้น

2. ดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง
ดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง (Key Risk Indicators) จะถูกใช้เป็นเครื่องมือระบุความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในกระบวนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยงจะถูกสร้างขึ้น โดยความเห็นชอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการและแผนงานต่าง ๆ กับฝ่ายบริหารความเสี่ยง (ถ้ามี) เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นในกระบวนการตามแผนงานต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามความเสี่ยงแล้ว ยังจะช่วยนําไปสู่การค้นหาสาเหตุเพื่อป้องกันและ/หรือแก้ไขเพื่อป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย โดยกำหนดให้ทุกฝ่ายงานมีหน้าที่ต้องจัดทำดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง


แนวทาง/กรอบ/คู่มือการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

มีนาคม 26, 2009

เมื่อได้ทราบถึงภาพรวมของการบริหารความเสี่ยง กรอบของการบริหารความเสี่ยง ความหมายของความเสี่ยง ประเภทและแหล่งที่มาหรือเหตุแห่งความเสี่ยง เป็นซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่ผมได้กล่าวถึงไปบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาพูดกันถึงแนวทางและเครื่องมือที่ใช้ในการระบุความเสี่ยงกันครับ

ก่อนอื่นผมมีภาพที่อยากให้เห็นถึงการระบุปัจจัยเสี่ยงกับแนวคิดด้านความเสี่ยงบางประการ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โปรดดูตามภาพด้านล่างนี้เลยครับ

การระบุปัจจัยเสี่ยงและแนวคิดบางประการ

การระบุปัจจัยเสี่ยงและแนวคิดบางประการ

แนวทางที่สามารถใช้ในการระบุความเสี่ยงขององค์กร

1. การใช้ประสบการณ์ของผู้ประเมินในการระบุเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น หรือพิจารณาแล้วว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ หรือใช้การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา/ข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงานที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและได้มีการบันทึกไว้ หรือเป็นข้อมูลที่บันทึกอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ สามารถนำมาใช้เป็นแนวทาง และเป็นข้อมูลเบื้องต้นได้

2. การใช้คู่มือปฏิบัติงาน หรือ Work flow charts เพื่อลำดับขั้นตอนของกระบวนการทำงาน และพิจารณาว่าในแต่ละขั้นตอนอาจจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะทำให้กิจกรรมนั้น ๆ หยุดชะงัก หรือผิดพลาดจนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้

3. การระดมความคิดจากพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน เพื่อร่วมกันพิจารณาว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่เกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบเสียหายต่องานที่ดูแล

4. การใช้แบบสอบถามความคิดเห็นไปยังผู้รับผิดชอบกิจกรรมการทำงานต่าง ๆ ว่ามีปัญหาข้อผิดพลาด หรือความเสี่ยงในลักษณะใด ก่อให้เกิดความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการสอบถามควรกระทำกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งเป็นผู้ทราบข้อมูลต่าง ๆ อย่างแท้จริง นอกจากนี้คำตอบที่ได้รับอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะการตอบคำถามอาจจะรวมข้อคิดเห็น ความรู้สึก และทัศนคติส่วนตัว ดังนั้นผู้ประเมินควรใช้วิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย

5. การใช้แบบตรวจสอบรายการ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตามและตรวจสอบรายละเอียดของงานต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความเสี่ยงในแต่ละกิจกรรม

การเลือกใช้แหล่งข้อมูล/วิธีการใด ๆ ในการระบุความเสี่ยงนั้น อาจแตกต่างกันในแต่ละฝ่ายงานและแต่ละเหตุความเสี่ยง โดยขึ้นอยู่กับลักษณะงานและวิธีปฏิบัติของแต่ละฝ่ายงาน

เครื่องมือสำหรับการระบุความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ ประกอบด้วย
1. แบบประเมินตนเอง
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินการควบคุมตนเอง (Control Self Assessment) และรับผิดชอบให้มีการประเมินตนเอง โดยกำหนดให้ทุกฝ่ายงานมีหน้าที่ต้องประเมินตนเองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ผู้ประเมินต้องระบุประเภทความเสี่ยงที่เผชิญอยู่ในแต่ละกิจกรรม หรือแต่ละกระบวนการปฏิบัติงานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตน รวมทั้งประเด็นของความพร้อมของบุคคลากร ทรัพยากร และระบบงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางที่จะบริหารความเสี่ยงที่เผชิญอยู่นั้น

2. ดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง
ดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง (Key Risk Indicators) จะถูกใช้เป็นเครื่องมือระบุความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในกระบวนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยงจะถูกสร้างขึ้น โดยความเห็นชอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการและแผนงานต่าง ๆ กับฝ่ายบริหารความเสี่ยง (ถ้ามี) เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นในกระบวนการตามแผนงานต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดตามความเสี่ยงแล้ว ยังจะช่วยนําไปสู่การค้นหาสาเหตุเพื่อป้องกันและ/หรือแก้ไขเพื่อป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย โดยกำหนดให้ทุกฝ่ายงานมีหน้าที่ต้องจัดทำดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง


แนวทาง/กรอบ/คู่มือการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

มีนาคม 23, 2009

นอกจากความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ และความเสี่ยงในด้านการปฏิบัติการที่ได้กล่าวไปในครั้งก่อนแล้ว องค์กรต่าง ๆ อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่เป็นความไม่แน่นอนและอยู่ใกล้ตัวมากที่สุด ซึ่งมีความสำคัญที่จะกระทบปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ในทุกเรื่อง รวมถึงความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทั่วไปด้วยเช่นกันที่องค์กรควรต้องกำหนดแนวทาง ระบุความเสี่ยง และจัดหาเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงที่จะอาจเกิดขึ้น

ความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทั่วไปขององค์กร เช่น จริยธรรม คุณธรรมในการบริหารงาน ปรัชญา ความเชื่อในเรื่องการบริหารความเสี่ยงที่เป็นรูปธรรม แนวความคิดและความเข้าใจของการนำการบริหารความเสี่ยงมาใช้ในองค์กร การกำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) การจัดโครงสร้างขององค์กร การมอบหมายอำนาจและหน้าที่ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน วัฒนธรรมในการดำเนินงานขององค์กร ความเกรงใจ ความเห็นแก่หน้า การไม่เคารพกฎและกติกาตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การขาดการประสานงาน การทำงานเป็นทีมที่ด้อยคุณภาพ ความไม่มีใจต่อความสำเร็จขององค์กร การมีอัตตาหรือการไม่รับฟังความคิดเห็นจากผู้ร่วมงาน การให้คุณให้โทษที่ไม่เป็นธรรม โดยไม่ยึดผลสำเร็จของงาน การขาดการติดตามวัดผลสำเร็จของแผนงาน โครงการ ตามพันธกิจที่ได้ดุลยภาพและมีคุณภาพ รวมทั้งทัศนคติของผู้บริหารที่อาจชอบฟังหรือรับทราบเฉพาะเรื่องดี ๆ โดยไม่ยอมรับฟังเรื่องเชิงลบ ทั้งที่เป็นเรื่องจริงที่เป็นความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อเป้าประสงค์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว เป็นต้น

ซึ่งความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทั่วไปเหล่านี้จะมีผลอย่างสำคัญต่อความสำเร็จของการบริหารความเสี่ยงทางด้านกลยุทธ์ ทางด้านการดำเนินงาน ทางด้านการเงินและการรายงาน ทางด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ และคำสั่งต่าง ๆ ของทุกองค์กรได้

องค์กรทั่วไป ควรจะมีการสอบทานความเหมาะสม และระบุปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมทั่วไปดังกล่าวข้างต้นควบคู่กันไปกับการบริหารความเสี่ยงขององค์ประกอบอื่น ๆ และพิจารณาหาแนวทางควบคุมและจัดการกับความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญให้อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้ โดยใช้เครื่องมือสำหรับระบุความเสี่ยงในแบบการประเมินตนเองหรือ CSA – Control Self Assessment โดยใช้บุคคลภายในองค์กรเอง หรือ QAR – Quality Assurance Review โดยใช้บุคคลภายนอก หรือดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง (Key Risk Indicators) ตามความเหมาะสมต่อไป

นี่คือ ตัวอย่างบางประการที่มีความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นเครื่องมือและกระบวนการบริหารเชิงรุกภายใต้กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี ที่คณะกรรมการบริหาร ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานทุกคนขององค์กรทั่วไป จะมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการนำไปปฏิบัติควบคู่กับการบริหารแผนงานและโครงการต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อสร้างความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลว่า องค์กรจะบรรลุเป้าประสงค์หลักโดยมีการจัดการและควบคุมความเสี่ยงอย่างพอเพียงและเหมาะสม


แนวทาง/กรอบ/คู่มือการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

มีนาคม 23, 2009

นอกจากความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ และความเสี่ยงในด้านการปฏิบัติการที่ได้กล่าวไปในครั้งก่อนแล้ว องค์กรต่าง ๆ อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่เป็นความไม่แน่นอนและอยู่ใกล้ตัวมากที่สุด ซึ่งมีความสำคัญที่จะกระทบปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ในทุกเรื่อง รวมถึงความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทั่วไปด้วยเช่นกันที่องค์กรควรต้องกำหนดแนวทาง ระบุความเสี่ยง และจัดหาเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงที่จะอาจเกิดขึ้น

ความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทั่วไปขององค์กร เช่น จริยธรรม คุณธรรมในการบริหารงาน ปรัชญา ความเชื่อในเรื่องการบริหารความเสี่ยงที่เป็นรูปธรรม แนวความคิดและความเข้าใจของการนำการบริหารความเสี่ยงมาใช้ในองค์กร การกำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) การจัดโครงสร้างขององค์กร การมอบหมายอำนาจและหน้าที่ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน วัฒนธรรมในการดำเนินงานขององค์กร ความเกรงใจ ความเห็นแก่หน้า การไม่เคารพกฎและกติกาตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การขาดการประสานงาน การทำงานเป็นทีมที่ด้อยคุณภาพ ความไม่มีใจต่อความสำเร็จขององค์กร การมีอัตตาหรือการไม่รับฟังความคิดเห็นจากผู้ร่วมงาน การให้คุณให้โทษที่ไม่เป็นธรรม โดยไม่ยึดผลสำเร็จของงาน การขาดการติดตามวัดผลสำเร็จของแผนงาน โครงการ ตามพันธกิจที่ได้ดุลยภาพและมีคุณภาพ รวมทั้งทัศนคติของผู้บริหารที่อาจชอบฟังหรือรับทราบเฉพาะเรื่องดี ๆ โดยไม่ยอมรับฟังเรื่องเชิงลบ ทั้งที่เป็นเรื่องจริงที่เป็นความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อเป้าประสงค์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว เป็นต้น

ซึ่งความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทั่วไปเหล่านี้จะมีผลอย่างสำคัญต่อความสำเร็จของการบริหารความเสี่ยงทางด้านกลยุทธ์ ทางด้านการดำเนินงาน ทางด้านการเงินและการรายงาน ทางด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ และคำสั่งต่าง ๆ ของทุกองค์กรได้

องค์กรทั่วไป ควรจะมีการสอบทานความเหมาะสม และระบุปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมทั่วไปดังกล่าวข้างต้นควบคู่กันไปกับการบริหารความเสี่ยงขององค์ประกอบอื่น ๆ และพิจารณาหาแนวทางควบคุมและจัดการกับความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญให้อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้ โดยใช้เครื่องมือสำหรับระบุความเสี่ยงในแบบการประเมินตนเองหรือ CSA – Control Self Assessment โดยใช้บุคคลภายในองค์กรเอง หรือ QAR – Quality Assurance Review โดยใช้บุคคลภายนอก หรือดัชนีเครื่องชี้ความเสี่ยง (Key Risk Indicators) ตามความเหมาะสมต่อไป

นี่คือ ตัวอย่างบางประการที่มีความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นเครื่องมือและกระบวนการบริหารเชิงรุกภายใต้กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี ที่คณะกรรมการบริหาร ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานทุกคนขององค์กรทั่วไป จะมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการนำไปปฏิบัติควบคู่กับการบริหารแผนงานและโครงการต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อสร้างความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลว่า องค์กรจะบรรลุเป้าประสงค์หลักโดยมีการจัดการและควบคุมความเสี่ยงอย่างพอเพียงและเหมาะสม


แนวทาง/กรอบการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

มีนาคม 11, 2009

ก่อนที่หลาย ๆ ท่าน รวมถึงตัวผมด้วยนั้น จะหยุดไปพักผ่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ผมอยากจะให้ท่านผู้อ่านเห็นถึงประโยชน์ของการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร ซึ่งเป็นเรื่องเบา ๆ ที่ผมเห็นว่าเหมาะที่จะนำเสนอในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ แต่กลับมีความสำคัญต่อการจัดการกับความเสี่ยงขององค์กรอย่างยิ่งยวด

ผมคิดว่าคงไม่มีองค์กรใด ไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชนสามารถดำเนินการภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยงได้ องค์กรที่ต้องดำเนินการในสภาวะแวดล้อมดังกล่าว การจัดการความเสี่ยงจะช่วยให้ฝ่ายบริหารจัดการกับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี เพื่อก้าวสู่การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างสมเหตุสมผล

การจัดการความเสี่ยงขององค์กร เป็นการส่งเสริมความสามารถในด้าน

– การปรับความเสี่ยงที่องค์กรหรือองค์กรยอมรับได้
เป็นการกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ คือระดับความเสี่ยงที่องค์กรเต็มใจที่จะยอมรับเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายขององค์กร ซึ่งการบริหารความเสี่ยงจะพิจารณาถึงความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้เป็นอย่างแรก เพื่อประเมินทางเลือกและพัฒนากลไกในการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องต่อไป

– ความเชื่อมโยงการเติบโต ความเสี่ยงและผลตอบแทน
การบริหารความเสี่ยงช่วยในการระบุและประเมินความเสี่ยง รวมทั้งกำหนดระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ ที่สัมพันธ์กับการเติบโตและเป้าหมายของผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ที่องค์กรกำหนดไว้

– ส่งเสริมการตัดสินใจในการตอบสนองความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
การบริหารความเสี่ยงใช้ในการระบุและเลือกทางเลือกในการตอบสนองความเสี่ยงในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งยังช่วยจัดหาวิธีการและเทคนิคสำหรับการตัดสินใจ เช่น การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง การลดความเสี่ยง การกระจายความเสี่ยงและการยอมรับความเสี่ยง

– การลดความไม่แน่นอนและความสูญเสียในการปฏิบัติงานให้น้อยที่สุด
ช่วยให้องค์กรสามารถระบุเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ประเมินความเสี่ยงและจัดการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้น รวมทั้งลดสิ่งไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนความสัมพันธ์ของต้นทุนและการสูญเสีย

– การระบุและบริหารความเสี่ยงภายในองค์กร
ทุก ๆ องค์กรเผชิญกับความเสี่ยงมากมายหลายประเภทที่ส่งผลต่อส่วนต่าง ๆ ขององค์กรที่แตกต่างกัน ฝ่ายบริหารไม่เพียงแต่ต้องบริหารความเสี่ยงเฉพาะบุคคล แต่ต้องเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย

– มีการตอบสนองแบบบูรณาการกับความเสี่ยงที่หลากหลาย
กระบวนการทางธุรกิจนำมาซึ่งความเสี่ยงสืบเนื่อง หรือความเสี่ยงจากลักษณะธุรกิจในหลายรูปแบบ และ ERM ทำให้เกิดการแก้ปัญหาแบบบูรณาการต่อการบริหารความเสี่ยง

– การฉกฉวยโอกาส
ฝ่ายบริหารพิจารณาเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากกว่าพิจารณาเฉพาะความเสี่ยง โดยการพิจารณาทุกระดับของเหตุการณ์

– การจัดการกับทุนอย่างสมเหตุสมผล
ข้อมูลที่ถูกต้องมีความหมายต่อความเสี่ยงทั้งหมดขององค์กร สิ่งนี้จะทำให้การบริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเข้าถึงความต้องการและปรับปรุงการจัดสรรทรัพย์สินหรือทุน รวมถึงงบประมาณได้อย่างเหมาะสม

ภาพด้านล่างนี้จะช่วยให้เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการจัดการความเสี่ยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Translating Vision & Strategy to  State Enterprise Performance Measurement

Translating Vision & Strategy to State Enterprise Performance Measurement

ERM หรือการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไม่ใช่จุดสิ้นสุดโดยตัวเอง แต่มีความหมายที่สำคัญในการบรรลุวัตถุประสงค์ ที่ไม่สามารถปฏิบัติแยกออกจากองค์กรได้ แต่จะเป็นตัวกลไก (enabler) ในกระบวนการทางการบริหาร
ERM เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับความร่วมมือของหน่วยการจัดการต่าง ๆ โดยจัดหาข้อมูลให้แก่คณะกรรมการบริหาร ได้ทราบถึงความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญและการบริหารความเสี่ยงดังกล่าว การปรับเปลี่ยนความเสี่ยงโดยการควบคุมภายใน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ERM

ERM ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในผลประกอบการและบรรลุเป้าหมายการทำกำไร การป้องกันความสูญเสียของทรัพยากร ช่วยทำให้มั่นใจถึงการรายงานที่มีประสิทธิภาพ การปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ การหลีกเลี่ยงความเสียชื่อเสียงและผลลัพธ์ที่ตามมาอื่น ๆ

โดยรวมแล้วการจัดการความเสี่ยงขององค์กรจะช่วยให้องค์กรทั่วไปดำเนินไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างเหมาะสม และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรที่กำหนดไว้ได้เป็นอย่างดี


แนวทางการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร COSO-ERM Framework

มีนาคม 10, 2009

แนวทางการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร (COSO-ERM Framework) ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลของผมจากการบรรยายในเรื่องนี้ ผสมผสานกับเอกสารของ COSO-ERM Framework หรือ COSO v.2 ของ IIA Institute

ภาพประกอบเอกสารของเรื่องนี้มีทั้งที่มาจาก เอกสารของ IIA และจากการบรรยายทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนของผมหลายแห่งที่ผ่านมา เอกสารดังกล่าวจะทยอยลงและเผยแพร่เร็ว ๆ นี้ครับ

นอกจากนี้ ผมได้เพิ่มเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ CG และ ITG บางมุมมองที่เป็นองค์ประกอบหลักเสมือนร่มใหญ่ของ COSO-ERM Framework ดังนั้น ข้อมูลตามเอกสารนี้จึงเป็นการผสมผสานในรูปแบบที่ใช้ COSO-ERM เป็นหลัก และอธิบายประกอบเพื่อสร้างความเข้าใจในแผนภาพเพิ่มเติมเท่าที่เห็นว่าเหมาะสมครับ


แนวทางการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร COSO-ERM Framework

มีนาคม 10, 2009

แนวทางการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร (COSO-ERM Framework) ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลของผมจากการบรรยายในเรื่องนี้ ผสมผสานกับเอกสารของ COSO-ERM Framework หรือ COSO v.2 ของ IIA Institute

ภาพประกอบเอกสารของเรื่องนี้มีทั้งที่มาจาก เอกสารของ IIA และจากการบรรยายทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนของผมหลายแห่งที่ผ่านมา เอกสารดังกล่าวจะทยอยลงและเผยแพร่เร็ว ๆ นี้ครับ

นอกจากนี้ ผมได้เพิ่มเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ CG และ ITG บางมุมมองที่เป็นองค์ประกอบหลักเสมือนร่มใหญ่ของ COSO-ERM Framework ดังนั้น ข้อมูลตามเอกสารนี้จึงเป็นการผสมผสานในรูปแบบที่ใช้ COSO-ERM เป็นหลัก และอธิบายประกอบเพื่อสร้างความเข้าใจในแผนภาพเพิ่มเติมเท่าที่เห็นว่าเหมาะสมครับ